ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : แจ้งข่าวดีศิษย์สายวัดกลางบางแก้ว และ ศิษยานุสิทธิ์ของหลวงปู่ทวด



(N)
หากกล่าวถึงสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก..หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณา คอยอุปการะพระภิกษุสงฆ์ และสามเณรตลอดจนลูกศิษย์อยู่เป็นนิจตลอดอายุขัยของท่าน เด็กๆหลายคนได้รับการเลี้ยงดูอบรมสอนสั่งและถ่ายทอดความรู้ต่างจนกระทั่งเติบใหญ่กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ตามรอยท่านก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ดี วัดสุวรรณฯ หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสาผู้เป็นหลานชาย ซึ่งต่างก็มรณภาพตามท่านไปหมดแล้ว แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่าเมื่อ ๙๐ ปีที่แล้วยังมีเด็กน่าเอ็นดูและฉลาดหลักแหลมอีกคนหนึ่งที่หลวงปู่บุญเมตตาอุปการะพร้อมทั้งคอยอบรมสั่งสอนกรรมฐานตลอดจนเคล็ดวิชาต่างๆให้ตราบจนท่านมรณภาพลงและในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้ดำเนินตามรอยของหลวงปู่บุญผู้เป็นพระเกจิอาจารย์ ยังคงสงเคราะห์ญาติโยมอยู่ด้วยวัย ๙๙ ปี...ท่านคือ...หลวงปู่เท สุธมฺโม แห่งวัดยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พระผู้มากอภิญญา ในสายญาณบารมีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วและหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด แห่งวัดช้างไห้ ก่อให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์อย่างมากมาย อย่างกรณีล่าสุด..หลวงปู่เทได้แผ่ญาณบารมีปกป้องคุ้มครองนาวิกโยธินทั้ง ๑๒๐ นายให้ปลอดภัยจากการเข้าโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดน ที่ฐานปฏิบัติการนาวิกโยธินในอ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?อัศจรรย์ขนาดไหน?โปรดติดตามอ่านรายละเอียดอย่ากระพริบตา...

หลวงปู่เท สุธมฺโม ปัจจุบันอายุ 99 ปี เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 (ไม่ตรงกับเอกสารทางราชการเพราะแจ้งเกิดภายหลัง) ณ บ้านบางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เดิมชื่อนายเท นามสกุลสีบัวงาม เมื่อครั้งเยาว์วัย หลวงปู่เทท่านได้ติดตามหลวงน้าเล็ก พระน้าชายของท่านมาเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว และมีโอกาสได้คอยอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่บุญ เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วในขณะนั้นด้วยความเป็นเด็กน่ารักฉลาดหลักแหลม นิสัยดีไม่เกเร หลวงปู่บุญจึงเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติต่างๆให้ท่านด้วยหวังว่าจะให้ท่านบวชเป็นพระ ส่วนหลวงปู่เทเองก็มีใจฝักใฝ่ทางนี้เหมือนกัน เพราะยิ่งนานวันไปก็ยิ่งซึมซับการปฏิบัติและพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงปู่บุญไว้มาก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์จึงเตรียมตัวอุปสมบท แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากโยมของท่านป่วย ท่านจึงต้องกลับบ้านไปดูแลโยม และต่อมาหลวงปู่บุญก็ถึงแก่มรณภาพอีกจึงทำให้การบวชของท่านต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ต่อมาชีวิตต้องระหกระเหินเดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส อำเภอนี้เดิมชื่อ ยีรีงาว์ ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีขึ้นอยู่มาก ภาษาไทยเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า ว่านน้ำ ต่อมาคำว่า ยีรีงาว์ได้เพี้ยนมาเป็นยี่งอจนถึงปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ในอำเภอนี้มีอาชีพทำการเกษตร แต่หลวงปู่เทหรือนายเทในขณะนั้นหันมายึดอาชีพ รับจ้างทั่วไป ไม่มีภรรยาและครอบครัว ได้แต่คอยช่วยพี่สาวทำมาหากิน โดยท่านก็ไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรมกรรมฐานและวิชาที่ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่บุญ ทำการเสกเป่ารักษาผู้คนทั่วไปโดยไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด

จนกระทั่ง ปี 2505 วิบากกรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงก็มาถึง ทั้งๆที่นายเทรู้ตัวล่วงหน้า แต่ไม่อาจแก้ไขได้ นายเทป่วยหนักรักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงได้แต่นอนภาวนารอความตาย จนกระทั่งคืนหนึ่งนายเทได้นิมิตเห็นหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว พระอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอน ท่านมาบอกให้บวชพระได้แล้ว เมื่อบวชแล้วจะได้นำบุญกุศลมาช่วยให้หายจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ตอนนั้นนายเทกลับคิดว่าตัวเองเกิดนิมิตหลอนเพราะกังวลเรื่องอาการป่วยที่เกิดแต่กรรมรักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหายจึงยังไม่แน่ใจในนิมิตคืนต่อมานายเทก็เกิดนิมิตอีกแต่ครั้งนี้กลับเห็นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาบอกให้บวชเช่นกันและยังย้ำว่าหากไม่บวชจะหมดโอกาสสงเคราะห์คนเพราะกำลังจะหมดอายุขัยขณะนั้นนายเทเริ่มคิดอยากทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทั้งสอง แต่ก็พลันคิดต่อไปว่า..ด้วยร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ บวชไปอาจเป็นภาระให้พระสงฆ์และสามเณรรอบข้างที่ต้องมาช่วยดูแลพระใหม่อย่างท่านจึงกังวลใจยิ่งนัก ทำให้คิดสับสนวกวนไปมาจนเพลียหลับไป พอหลับไปสักพักนายเทก็นิมิตเห็นหลวงปู่บุญมาสั่งกำชับอีกครั้ง ให้ทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทวด ถ้าบวชครั้งนี้โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจะหายไปไม่ต้องกังวลใดๆอีก แต่บวชแล้วให้เดินตามแนวทางแห่งโพธิสัตย์ เมื่อถึงเวลาให้ช่วยสงเคราะห์ผู้คนตามรอยหลวงปู่ทวด

ช้าตื่นขึ้นมาจึงบอกเล่าความฝันให้ญาติๆฟัง พร้อมกับแจ้งว่าตัดสินใจจะบวชตามที่หลวงปู่ทั้งสองแนะนำ ญาติๆต่างก็เห็นด้วย จึงไปเตรียมการอุปสมบทให้ จากนั้นนายเทก็หายวันหายคืนอย่างอัศจรรย์กระทั่งได้อุปสมบทเมื่อวันจันทร์ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2505 ขณะอายุได้ 48 ปีณ วัดบางนรา ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 โดยมีพระราชสามนต์โมลี วัดบางนรา เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระวินัยธรแก้ว อาภากโร,พระครูจันทร์ สิริโสภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางนรา นำแนวการปฏิบัติพระกรรมฐานตามแบบฉบับของหลวงปู่บุญที่ได้ร่ำเรียนมาปฏิบัติพัฒนาให้ก้าวหน้ากว่าเดิม คราวนี้สามารถสื่อสารกับกายทิพย์ของหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดได้ตามใจนึก ภายหลังได้รับการชี้แนะจากหลวงปู่ทวด บอกแนวทางการปฏิบัติขั้นสูงให้อีก..ทำให้ท่านพบเจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย สำเร็จได้ดั่งที่หลวงปู่ทวดสอนสั่ง แถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอายุยืนยาวตราบจนปัจจุบันยังสามารถเดินทางล่องหนไปมาซ่อนตัวได้ตลอดเวลา ยากที่ใครจะติดตามค้นหาได้ทัน ทำให้เรื่องราวของหลวงปู่เทเกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลาถ้าหลวงปู่เทไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันพิธีมหาพุทธาภิเษก เหรียญเจ้าสัว 2 หน้า(หลวงพ่อบุญช่วยเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเททองให้วัดท่าเสา) ณ วิหารหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ในวันที่9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โดยคุณ ferluci (3.6K)  [ส. 01 มี.ค. 2557 - 13:30 น.]



โดยคุณ โพธิ์ไทร (1.4K)  [จ. 03 มี.ค. 2557 - 09:27 น.] #3243028 (1/1)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1