ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ทุกวันนี้ยังเล่นกันอยู่มั้ยครับ อยากรู้จริงๆ



(N)


ไปเจอตามบ้านมา แกก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อน มีราคาแพง ใครมาให้ราคาแกก็ไม่ขาย แต่ตอนนี้ แกให้เช่ามาในราคาเนื้อเงินเอง เราก็ได้มาแบบง่ายๆเลยมาค้นคว้าเกี่ยวกับหลวงตาจันทร์ วัดป่าชัยรังสี จ.สมุทรสาคร
เนื้อเงิน 5 องค์ พร้อมกล่องเดิมๆ ผิวสวยๆเดิมๆ อยากรู้จริงๆ ว่ายังมีคนเก็บ หรือนิยมกันอยู่มั้ย เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ

โดยคุณ Oogusbk (1.5K)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 11:05 น.]



โดยคุณ Oogusbk (1.5K)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 11:06 น.] #3277003 (1/7)


(N)


เพิ่มเติมครับ

โดยคุณ นายเก้ (3.4K)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 11:58 น.] #3277045 (2/7)


(N)


เล่นไม่เล่นไม่รู้ รู้แค่ ......

.....................................................................................................

ชีวิตนี้ไม่แน่นอน อดีตหลวงตาจันทร์ จากพระชั้นเทพ สู่ลิเกเงินล้าน ?????

อดีตหลวงตาจันทร์ จากพระชั้นเทพ สู่ลิเกเงินล้าน

(โพสท์Today วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2550)

“หลวงตาจันทร์” หรือ อดีตพระเทพสิทธิญาณรังสี เจ้าอาวาสวัดป่าชัยรังสี จ.สมุทรสาคร สมัยบวชเป็นพระก็มีชื่อเสียงโด่งดัง พอสึกออกมาก็ ดังไม่หยุด ทุกย่างก้าวยังอยู่ในความสนใจของผู้คนจำนวนมาก

หลังสละผ้าเหลืองอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านปรีชา ย่านพุทธมณฑล สาย 4 โดยมีลูกศิษย์เป็นคนจัดหาให้ แต่ละวันจะมีลูกศิษย์แวะเวียนไปหาเป็นประจำตั้งแต่เช้ายันค่ำ กิจวัตรประจำวันคือรับแขกเป็นงานหลัก


บางโอกาสลูกศิษย์ จะเชิญไปเจิมร้าน เจิมบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะ ลูกศิษย์ที่อยู่แถบฮ่องกง และสิงคโปร์ มักจะตีตั๋วให้บินไปเจิมร้านอยู่เป็นประจำ


เลขเด็ดของหลวงตาจันทร์ ก็เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ต้องการมาก โดยเฉพาะวันใกล้หวยออก ลูกศิษย์ก็จะเอาเลขต่างๆ ที่อยู่ใกล้ตัวหลวงตาไปแทงอยู่บ่อยๆ ทั้ง “เลขที่บ้าน เลขทะเบียนรถ เบอร์โทรศัพท์มือถือ” จนเป็นที่ร่ำลือ


ที่เห็นกันจะจะ...งวดวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านย่านวัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย ถูกหวยเลข 81 กันหลายคน ตรงตามที่หลวงตาจันทร์บอกเล่าว่า “พ่อแก่” ครูของนักแสดงมาเข้าฝัน แม้กระทั่งแม่ค้าขายลอตเตอรี่ พอรู้ว่าหลวงตาจันทร์บอกเลขเด็ด รีบเก็บลอตเตอรี่ไว้ไม่ยอมขาย ทำให้ถูกลอตเตอรี่กว่า 10 ใบ


แต่นั่นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล!!! เพราะเรื่องของโชคลาภนั้น ยากจะหาเหตุผลมาอธิบาย


นอกจากให้โชคลาภแล้ว ลูกศิษย์มักจะให้หลวงตาจันทร์เป่ากระหม่อมให้ตามความเชื่อ แม้เป่าเสร็จ หัวจะแดงไปด้วยสีหมาก ที่หลวงตาจันทร์กินอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


รวมถึง การลงนะหน้าทอง ที่หลวงตาจันทร์จะนำแผ่นทองคำเปลว 9 แผ่นขนาดเท่าฝ่ามือ มาเสกเป่า แล้วให้คนมาลงนะหน้าทอง ทาที่ใบหน้าและลำคอ “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ” ทองคำเปลวหายในพริบตา ไม่เหลือแม้แต่เศษทองคำเปลว แม้แต่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย


อาหารการกินจะมีลูกศิษย์นำมาส่งให้เป็นประจำ ยกเว้นวันไหนมีแขกที่คุ้นเคยมาบ้าน หลวงตาจะลงมือทำอาหารเลี้ยงแขกด้วยตัวเอง อาหารจานเด็ด ที่ชอบทำมากคือ ต้มโคล้งปลาดุกนา และ น้ำพริกปลาร้า สูตรหลวงตาจันทร์เอง ที่ทุกคนกินแล้วต้องยกนิ้วให้


พออิ่มหนำสำราญจะชักชวนนั่งล้อมวงร่ำสุรา เพราะถือคติที่ว่า คนสุรินทร์ต้องกินสุรา ถ้าไม่กินสุราก็เป็นหมาสุรินทร์ แขกที่ไปร่วมวงต้องกระดกเหล้าเพียวๆ ทั้งหญิงและชาย สิ่งที่ขาดเสียไม่ได้คือเครื่องดนตรีไทย เพลงส่วนใหญ่ที่หลวงตาจันทร์ร้อง จะหนักไปในแนวต่อกลอนอย่างสนุกสนานหรือ “ร้องเจรียงแบบเขมร” (ร้องลิเกด้วยภาษาเขมร)


การแต่งตัวก็จะพิถีพิถันเป็นพิเศษ เสื้อผ้าสั่งตัดจาก “ร้านสมภพ เทเล่อร์” ร้านเสื้อชื่อดังที่นักการเมืองเกือบทั้งสภาแห่ไปตัด


แต่เรื่องความรัก หลวงตาจันทร์อาภัพ เคยตกเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ เมื่อครั้งตกลงใจจะแต่งงานกับข้าราชการสาวใหญ่ อดีตโยธาธิการ จ.เพชรบุรี ขณะที่กำลังร่อนการ์ดเชิญ ใกล้ถึงวันงานไม่กี่วัน ฝ่ายหญิงออกมาปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใยว่า “หลวงตาจันทร์โมเม” แต่งเรื่องขึ้นเอง ไม่เคยคิดตกลงปลงใจด้วย


“หลวงตาจันทร์อกหักดังโครม” ต้องหลบหนีหน้าผู้คนไปอยู่กับลูกศิษย์รักคนหนึ่ง ไม่ยอมติดต่อใคร เที่ยวนั้นชาวประชารู้กันทั่ว หลวงตาจันทร์เสียเงินไปกับความรักครั้งแรก หลายสิบล้านบาท ลงทุนปลูก “เรือนหอหลังใหญ่” ในชื่อเจ้าสาว หวังใช้ชีวิตคู่แบบสองต่อสองให้ชื่นสะดือ แต่สุดท้ายงานวิวาห์ล่มสลาย ทั้งเจ้าสาวทั้งเรือนหอ (ราคานับสิบล้าน) หายวับไปกับตา


พอหายชีช้ำทำใจได้ หวนกลับมาอยู่บ้านหลังเดิมย่านพุทธมณฑล เปิดบ้านรับลูกศิษย์ ลูกหาตามปกติ แต่จุดพลิกผัน ที่ทำให้หลวงตาจันทร์ หันมา “ตั้งคณะลิเก” และแสดงด้วยตัวเอง หลวงตาจันทร์เล่าว่า ชอบศิลปะการแสดงมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี ตอนวัยรุ่นเคยออกไปเล่นลิเกตามจังหวัดต่างๆ


คณะไหนรู้จักกับเจ้าของ ก็จะขอไปเล่นด้วย เล่นเป็นตัวโจ๊กหรือตัวเสนา ได้ตังค์บ้างไม่ได้บ้าง แต่มีความสุขมากเมื่ออยู่หน้าเวที เลยคิดว่าสักวันหนึ่งต้องมีคณะลิเกเป็นของตัวเองให้ได้ ถือคติว่า คนเราเมื่อมีฝันต้องเดินให้ถึงฝันให้ได้ “ลิเกหลวงตาจันทร์” เปิดโรงครั้งแรกวันที่ 27 มิถุนายน 2548 ที่บ้านย่านพุทธมณฑล ชื่อคณะ “ลิเกหนุ่มพุทธมณฑล ปัญจพล อาจหาญ” แสดงท่ามกลางสายฝน มีกุ้ง-สุทธิราช วงศ์เทวัญ ลิเกขวัญใจแม่ยก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ มาร่วมแสดงด้วย


หลวงตาจันทร์รับบทเจ้าเมือง ถือเป็น ลิเกคนแรกก็ว่าได้ที่เล่นลิเกไปด้วยกินหมากไปด้วย


แปลกแต่จริง! “นักแสดงที่มาร่วมคณะ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ที่เคยเคารพนับถือสมัยเป็นพระ ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี คณะไหนจะตกงาน ก็ชักชวนมาอยู่ด้วยเพื่อให้มีรายได้ ถือว่าช่วยเหลือกันไป” หลวงตาจันทร์ กล่าว


ส่วนพระเอกและนางเอก จะเปลี่ยนตลอดเวลา แล้วแต่อารมณ์หลวงตา จะเป็นผู้กำหนด ถ้าแม่ยกคิดจะมาเฝ้าพระเอกคนใดคนหนึ่งอาจต้องผิดหวัง


ตั้งแต่ตั้งคณะมาจนถึงปัจจุบัน 2 ปีเต็มรับงานแสดงทั่วประเทศ ส่วนราคาค่าเหนื่อยหลวงตาจันทร์บอกว่า 1 แสนบาทอัพ อ๊ะ...อ๊ะ แต่ต่อรองกันได้ ใครหาไปถือว่าคุ้ม เฉพาะฉากเวทีการแสดงและเครื่องเสียง ต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อ 3 คันบรรทุก ส่วนนักแสดงมีกว่า 70 ชีวิต


หลวงตาจันทร์ คุยว่า คนดูตอบรับดีมากแม่ยกให้พวงมาลัยล้นคอเกือบทุกคืน แถมได้มากกว่าพระเอกเสียอีก ส่วนงานแสดงเฉลี่ย 10 คืนต่อเดือน ทั้งนี้ ตั้งใจแสดงลิเกต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ทุกวันนี้บอกตรงๆ ว่าแฮปปี้ ยิ่งได้อยู่บนเวทียิ่งแฮปปี้มาก


เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลวงตาจันทร์ อายุ 55 ปีเต็ม จัดงานวันเกิดยิ่งใหญ่ที่วัดแก้วฟ้า อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เหตุที่เลือกวัดนี้ เพราะเคยเป็นลูกศิษย์มาตั้งแต่สมัยบวชพระ มีพิธีไหว้ครูและครอบครูอย่างยิ่งใหญ่ ลูกศิษย์แน่นวัดทั้งพระและฆราวาส ตกดึกนำชาวคณะมาแสดงลิเกให้ชาวบ้านย่านนั้นได้ดูกันฟรีๆ หลวงตาจันทร์ทั้งร้องทั้งรำและเป็นพิธีกรไปพร้อมกัน


คืนนั้นแสดงเรื่อง “ปราสาทรักบาสะลอง” หลวงตาจันทร์รับบทเป็นเจ้าเมือง ออกมาร้องรำแค่ฉากเดียว ก็สละสมบัติให้ทายาทเอาดื้อๆ หมดคิวแสดงหน้าตาเฉย แต่ได้มาลัยจาก แม่ยก 2.5 หมื่นบาท ถือว่าเกินคุ้ม


อ.ชัยชนะ บุญยโชติ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2541 ลูกศิษย์ก้นกุฏิ พูดถึงหลวงตาจันทร์ว่า มีความตั้งใจมาก แสดงลิเกมา 2 ปี วันนี้ถือว่าฝีมือพัฒนาไปมาก “ทั้งร้องและรำ” ไม่ติดขัด อาจารย์เป็นคนสนุกสนาน พูดเก่ง มีใจรักศิลปวัฒนธรรมไทย ใครหาไปแสดงถือว่าคุ้มค่า


“ลิเกหลวงตาจันทร์จะไม่มีล้ม แม้ราคาสูงหลักแสน แต่มีงานแสดงไม่ขาด ลูกศิษย์ช่วยกันสนับสนุน หากเป็นคณะอื่นล้มไปแล้ว คณะนี้มีพระเอกนางเอกเยอะ บางคืนเปลี่ยนพระเอกนางเอกหลายคน ฉากแรกเป็นคนหนึ่งพอฉากที่สองที่สามเป็นอีกคนหนึ่ง ทั้งที่แสดงเรื่องเดียวกัน คณะอื่นทำไม่ได้หรอก” อ.ชัยชนะ กล่าว


เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนรักหลวงตาจันทร์ อ.ชัยชนะ มองว่า เป็นคนมีแต่ให้ มีอะไรก็ให้เขาหมด วันดีคืนดีก็ปิดหมู่บ้านเลี้ยงอาหารชาวบ้าน วิชาอาคมที่แก่กล้า น่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่หลวงตาจันทร์เจ้าชู้มากๆ เป็นขุนแผนเมืองสุรินทร์ตัวจริง คนหนุ่มๆ ยังสู้ไม่ได้เลย


ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของหลวงตาจันทร์ แต่สิ่งที่จะต้องติดตามกันต่อไปคือความตั้งใจของชายวัย 55 ปี เขาจะทำอะไรกับชีวิตต่อไป ลิเกคณะนี้จะอยู่บนเวทีการแสดงได้นานอีกเท่าใด ต้องคอยติดตาม



http://www.posttoday.com/topstories.php?id=165730

โดยคุณ นายเก้ (3.4K)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 12:04 น.] #3277047 (3/7)


(N)


ลิเกสอดแทรกธรรมะตลอด

โดยคุณ Oogusbk (1.5K)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 12:37 น.] #3277064 (4/7)

ขอขอบคุณพี่ คุณ นายเก้ (1853) กับข้อมูลที่พี่ให้มาครับ
ไม่น่าเชื่อเลยครับ ชีวิต ไม่แน่นอนจริงๆครับ อนิจจัง

โดยคุณ คนสุพรรณฯ (6)  [ส. 29 มี.ค. 2557 - 14:16 น.] #3277133 (5/7)

โดยคุณ เปี๊ยกตุ๊กแก (1.2K)(3)   [ส. 29 มี.ค. 2557 - 21:01 น.] #3277421 (6/7)

โดยคุณ gotton (1.1K)(1)   [ส. 29 มี.ค. 2557 - 22:44 น.] #3277516 (7/7)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1