กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้

ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ขออนุโมทนา

(N)

ผ่านงานศพพ่อไป ได้ข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง

- ทุกวันนี้เมื่อเราอายุมากขึ้น คนรอบตัวก็จะลดน้อยถอยลงทุกวัน ถึงเวลาเจ็บป่วย หรือเวลาที่จากไป เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว คงไม่ได้มีใครมาเป็นธุระจัดการให้เราหรอก มีก็แต่คนในครอบครัวนี่แหละที่จะเป็นธุระให้เรา เพราะฉะนั้น ควรรักษาความรัก และคนในครอบครัวไว้ให้ดี

- ทุกย่างก้าวของกิจการงานต่าง ๆ ต้องจบที่เงินตัวเดียว วัดทุกวันนี้ทุกขั้นตอนต้องเป็นเงินไปหมด แค่ขยับขาก็ต้องเป็นเงิน ไม่เหมือนสมัยก่อน แล้วแต่ศรัทธาญาติโยม แต่ทุกวันนี้จัดเป็นชุดเป็นล็อกให้หมด ต้องเท่านั้นเท่านี้ ความจริงใจ ความเอาใจใส่ความรู้สึกญาติโยมแทบไม่มี ทำให้รู้สึกหงุดหงิดหัวใจ

ก็ได้แต่ปลงอนิจจัง ไม่อยากให้เป็นภาระลูกหลาน คนในครอบครัว ผมจึงขอบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ไปเสีย ... เอวังก็มีด้วยประการล่ะชะนี้ ขออนุโมทนา 🙏🙏🙏

โดยคุณ nooing (28.8K)

สมาชิกที่ปรึกษากระดานข่าว

124.120.118.114

[พ. 15 มี.ค. 2566 - 07:54 น.]

โดยคุณ kwwee (2.6K)

สมาชิกที่ผ่านการรับรองบุคคลแล้ว

124.120.32.68

[พ. 15 มี.ค. 2566 - 19:32 น.] #4013929 (6/13)

ช่วงหลังมานี้มีคนไปบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่กันเยอะครับ

เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมและแม่ไปแจ้งความจำนงขอบริจาคร่างกายที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกทม.

ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีคนบริจาคกันเยอะจนเกินความจำเป็น แต่เขาก็รับเอาไว้อย่างเสียไม่ได้

คือเมื่อไปขอบริจาคก็รับไว้ด้วยกริยาที่ไม่ยินดียินร้าย เอาแบบฟอร์มเอกสารมาให้แต่ละคนกรอก

หลังจากนั้นก็ทำบัตรประจำตัวผู้บริจาคร่างกายให้มาคนละ 1 ใบ พร้อมกับเอกสารที่จะต้องปฏิบัติให้มาคนละ 1 ชุด

เสร็จแล้วก็ให้กลับบ้าน นี่ก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือถามข่าวคราวจากหน่วยงานนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วนทางเราก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปเหมือนกัน เพราะตอนนี้แม่และผมก็ยังแข็งแรงเป็นปกติอยู่ แม่ผมปีนี้ขึ้น 97 ปีไปแล้ว อายุมากกว่าผม 25 ปี

ต่างกันกับมูลนิธิช่วยเหลือเด็กยากจนที่ผมส่งเงินบริจาคไปส่งเด็กเรียนอยู่ ผมได้บริจาคติดต่อกันมาประมาณ 20 กว่าปี โดยส่งเดือนละ 600 บาท/เด็ก 1 คน

ทุกปีเขาจะมีการส่งเอกสารติดต่อมา อวยพรปีใหม่บ้าง อวยพรวันเกิดบ้าง ให้เด็กที่เราอุปการะเขียนจดหมายมาถามสาระทุกข์สุกดิบบ้าง อวยพรบ้าง เล่าชีวิตความเป็นอยู่ให้ฟังบ้าง

มาถึงตอนนี้ก็ส่งผ่านไปหลายคนแล้ว ซึ่งเขาจะหาเด็กส่งมาให้ตลอด คนหนึ่งจบไปหรือเลิกเรียนไป เขาก็จะหาคนใหม่มาให้อุปการะแทน ก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอด

ซึ่งจะเห็นว่าช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ระหว่างหน่วยงานใหญ่ของรัฐกับมูลนิธิของเอกชน ในการปฏิบัติต่อผู้บริจาค ซึ่งจะต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อองค์กรนั้นๆ

โดยคุณ nooing (28.8K)

สมาชิกที่ปรึกษากระดานข่าว

124.120.118.114

[พ. 15 มี.ค. 2566 - 21:06 น.] #4013934 (7/13)

การปฏิบัติในการรับร่าง เท่าที่ผมเคยสัมผัส เค้าก็บริการด้วยดี และมีพิธีการไว้อาลัยให้ญาติก่อนเสมอ และเมื่อมีการทำบุญใหญ่ ก็จะมีหมายมาเชิญญาติให้ไปร่วมพิธีพระราชทานด้วยนะครับ

อาจจะเข้าใจอะไรไปบ้าง เพราะเร็ว ๆ นี้ยังมีข่าวขาดแคลนร่างอย่างมาก เนื่องจากมีปัญหาข้อติดขัด เช่นญาติไม่แจ้ง ญาติแจ้งช้าจนร่างใช้ได้ไม่ได้

https://www.thairath.co.th/news/society/2086511

การบริจาคร่างพอไปบริจาคแล้วบางคนใช้เวลาอีกหลายสิบปี กว่าจะเสีย ก็ต้องเข้าใจระบบนะครับ คงไม่มีใครติดต่อได้ตลอดเวลา ผิดกับบริจาคเงิน ที่มียอดทุกเดือน ถ้าบริการไม่ดี หรือขาดการติดต่อ คนบริจาคก็หายหมด ช่วงเวลาต่างกันครับ ขอให้เข้าใจและช่วยกันเสียสละต่อไปดีกว่าครับ ไม่ว่าเรื่องอะไร

โดยคุณ kwwee (2.6K)

สมาชิกที่ผ่านการรับรองบุคคลแล้ว

124.120.31.33

[พ. 15 มี.ค. 2566 - 23:41 น.] #4013937 (8/13)

ก่อนอื่น ผมขออนุญาตท่าน nooing ชี้แจงก่อนนะครับ

ที่ผมเล่าให้ฟัง คือเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตอนที่ผมและแม่ไปแจ้งขอบริจาคและเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีคนบริจาคเยอะมาก(ซึ่งเธออาจจะมีหน้าที่แค่รับเรื่อง ก็เลยอาจจะไม่เข้าใจในปัญหาต่างๆที่อาจจะมีตามมาก็เป็นได้ ก็เลยเมินเฉยครับ)

และในปัจจุบัน ผมกับแม่ก็ยังเป็นผู้บริจาคอยู่นะครับ ไม่ได้ยกเลิกการบริจาคไปเพราะสาเหตุนั้นครับ

สำหรับปัญหาการขาดแคลนร่างอย่างมาก ก็เป็นไปได้แน่นอนครับ เพราะทั้งผู้ที่รับบริจาคและผู้ที่บริจาค ไม่เคยได้มีปฏิสัมพันธ์กันเลย หลังจากที่ได้ไปแจ้งบริจาคแล้ว

ก็เลยทำให้ผู้รับบริจาคมีแต่ตัวเลข แต่ไม่เคยรับรู้ว่าผู้บริจาคยังอยู่หรือไม่ หรืออยู่แต่ย้ายสถานที่พักอาศัยไปอยู่ที่ไหน ยากต่อการส่งร่างมาให้หรือเปล่า

และอีกอย่างที่สำคัญมากก็คือ วิธีปฏิบัติในการส่งร่างไปให้ผู้รับบริจาค เพราะการที่ขาดการติดต่อไปนาน ทำให้ข้อมูลต่างๆหายไปหมด

แม้แต่ผมเองตอนนี้หลังจากที่ย้ายบ้าน เอกสารนี้ก็หาไม่เจอ ผมจำได้อยู่เพียงอย่างเดียวก็คือ ถ้าเป็นอะไรไปให้รีบแจ้งและห้ามฉีดฟอร์มาลีนเข้าร่าง

แต่ถ้าหน่วยงานต่างๆที่ได้รับบริจาค ได้มีการติดต่อกับผู้บริจาคอยู่ตลอดเวลา และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการรับร่างอยู่ตลอด ปัญหาเหล่านี้ก็จะลดน้อยลงไปได้เยอะมาก

อย่างน้อยๆถ้ามีการติดต่อ มีเอกสารถึงผู้บริจาคบ้าง คนรอบข้าง ญาติพี่น้อง ก็จะได้ผ่านตา และรู้ว่าควรที่จะต้องทำอย่างไรกับร่างที่บริจาคบ้าง

แต่นี่หลังจากที่บริจาคแล้ว ก็แล้วแต่ผู้บริจาค ถ้าส่งร่างมาฉันก็รับ ถ้าไม่ส่งร่างมาก็แล้วแต่ญาติ

ก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันนะครับ ว่าถ้าทำแบบนี้ทางผู้รับบริจาคจะได้รับร่างที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานสักกี่เปอร์เซ็นต์ของร่างผู้บริจาค

และนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ยังมีข่าวขาดแคลนร่างอย่างมาก เนื่องจากมีปัญหาข้อติดขัด เช่นญาติไม่แจ้ง ญาติแจ้งช้าจนร่างใช้ไม่ได้

นี่คือปัญหาที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงครับ

***สำหรับการปฏิบัติในการรับร่าง อันนี้ไม่มีปัญหาครับ มีการบริการด้วยดี มีพิธีการไว้อาลัยให้ญาติก่อน และเมื่อมีการทำบุญใหญ่ ก็จะมีหมายมาเชิญญาติให้ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงด้วย ตามที่ท่าน nooing ว่ามา แต่อันนี้มันเป็นปลายทางแล้ว ส่วนปัญหามันอยู่ที่ต้นทางที่จะต้องแก้ไขครับ

***ก็ขอเชิญชวนพี่น้องทุกๆท่านได้ร่วมบริจาคร่างกายของเราเพื่อไปเป็นอาจารย์ใหญ่กันนะครับ

โดยคุณ nooing (28.8K)

สมาชิกที่ปรึกษากระดานข่าว

124.120.118.114

[พฤ. 16 มี.ค. 2566 - 03:54 น.] #4013942 (9/13)

ครับผมเข้าใจแนวคิดของท่านกวีครับ ไม่ได้คิดขัดแย้งอะไร

การเป็นผู้บริจาค ยังไงเราก็ยังเป็นผู้บริจาค แต่ปัญหาในการใช้ประโยชน์เกิดขึ้นตอนเราเสียชีวิตไปแล้ว เราจึงไม่สามารถอยู่จัดแจงจัดการอะไรได้ ผมมองว่าจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมีการตั้งคนหรือหน่วยงานมาคอยติดต่อ (ปัจจุบันก็เข้าเวบไซต์ ก็มีขั้นตอนบอกไว้ทุกอย่างเลย) เป็นเรื่องเหนือการควบคุม เพราะถึงเวลาญาติเราอาจจะไม่ยินยอมส่งมอบร่างก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดอะไร

เพราะฉะนั้นในมุมมองผม หน่วยงานทำได้เพียงแต่ตั้งรับ รอการติดต่อเข้ามาเท่านั้นครับ และทำให้ดีในขั้นตอนปลายทางเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคเท่านั้นครับ เป็นหน้าที่ของเราต่างหากที่ต้องสั่งไว้ให้ดี เพื่อให้ตรงตามที่เราตั้งใจไว้ ...

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!

Copyright ©G-PRA.COM
www1