 (D)
ก่อนอื่นขอขอบคุณ เพื่อนๆพี่สมาชิกสมาชิกทุกท่านไม่ว่าจะเป็นท่านที่โทรมาหรือแสดงความเสียใจผ่านลงในกระทู้ แม่ต้นหลิวคงไม่เขียนอะไรมากนะคะเกี่ยวกับความรู้สึกของคนในครอบครัวตอนนี้ มันตันค่ะ จุกที่อก เจ็บเข้าไปทุกอณูของร่างกาย
ประวัติย่อน้องต้นหลิวค่ะ
น้องเกิดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2545
ชื่อจริง ด.ญ. ปุญณดา เลิศฤทธิ์บัญชา
บิดา-มารดา นายชัยวัฒน์-นางลภัสรดา เลิศฤทธิ์บัญชา
มีน้องชายหนึ่งคน ชื่อ ตี๋ซุ้งค่ะ
เสียชีวิตเมื่อ 14 ม.ค. 2551 เวลา 02.20 (โดยประมาณ) แต่บางท่านอาจจะนับเป็นวันที่ 15 แล้วค่ะ
อาการเริ่มแรก วันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค. น้องมีการไข้ และอาเจียน เล็กน้อย คุณแม่ให้ยาพารา ไข้ลดลง แต่ยังมีอาการอาเจียนอยู่เป็นระยะ
เช้าวันที่ 14 (หยุดเรียนค่ะ) ทานอาหารไม่ได้ อาเจียนตลอด คุณแม่ให้ยาแก้อาเจียน ก็ไม่หยุด ต้นหลิวซึมและนอนอย่างเดียว ไม่ฉี่เลยค่ะ
จนตอนเย็นคุณแม่ พาไปหาหมอเด็กที่คลีนิคเด็ก คุณหมอตรวจดู ไม่พบอาการรุนแรง แต่น้องยังอาเจียนคุณหมอจึงให้น้ำเกลือและยาแก้อาเจียน และกลับมาดูอาการที่บ้าน
ช่วงตั้งแต่ 19.00 น. ต้นหลิวเริ่มหงุดหงิดบ้าง คุณแม่คิดว่าเป็นอาการของการถูกแทงน้ำเกลือ เริ่มฉี่สองครั้งและเริ่มหิวน้ำ เริ่มหยุดอาเจียน แต่จากนั้นเริ่มมีไข้ต่ำๆ คุณแม่จึงให้ยาลดไข้
22.00 น. ต้นหลิวมีอาการชักอย่างรุนแรง ตากลับ ไม่รู้สึกตัว ไข้ขึ้นสูงทันที พ่อแม่พาไป ร.พ. อย่างเร่งด่วน
ถึง ร.พ. คุณหมอ เช็ดตัวลดไข้ ให้ออกซิเจน ให้แวเลี่ยม ต้นหลิวเริ่มรู้สึกตัว สีหน้าดีขึ้น หมอสอบถามความเป็นมา และอาการ คุณหมอสันนิฐานการชักหลายอย่าง เช่นชักจากไข้สูง จากการขาดเกลือแร่ (ลืมบอกค่ะว่าช่วงอยู่บ้านคุณแม่ให้น้ำเกลือแร่กับน้อง) หรือถ้าแรงก็จากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้ออื่น
ซึ่งคุณหมอขอให้เฝ้าดูอาการที่ icu สักหนึ่งคืน
คุณแม่กลับบ้าน คุณพ่อเฝ้าต้นหลิวที่ ร.พ. หมอจึงสังเกตุอาการ และทางห้อง icu ได้แจ้งว่า หัวใจต้นหลิวเต้นช้าลง และมีอาการชักเกร็ง คุณหมอปั๊มหัวใจอยู่ตลอดเวลา น้องคุณพ่อ ขับรถมาตามคุณแม่อีกรอบ บอกว่าต้นหลิวเป็นไข้สมองอักเสบชนิดเฉียบพลัน
คุณแม่ไปถึง ร.พ. อีกครั้ง ต้นหลิวไม่รู้สึกตัวแล้ว คุณหมอค่อยๆอธิบายให้คุณแม่ฟัง จนสรุปได้ว่า ตอนนี้ต้นหลิวเกิดอาการสมองบวม และสมองตาย
คุณแม่รู้ทันทีว่าลูกไม่อยู่ด้วยแล้ว จึงตัดสินใจ บอกให้คุณหมอหยุดปั๊มหัวใจลูก และ ลูกก็ค่อยหยุดหายใจลงในที่สุด เวลาประมาณ 02.20 น. ค่ะ
อาการเริ่มแรกจะเหมือนกับไวรัสลงกระเพาะทุกอย่างค่ะ
ภายหลังคุณหมอบอกว่าเคสที่ไปเร็วเหมือนต้นหลิว ในประเทศไทยเจอไม่ 5-10 คน/ปี ค่ะ
คุณแม่และคุณพ่อ เสียใจมาก สวดมนต์ทุกอย่าง ขอปาฏิหารย์ให้เกิด แต่ก็ห้ามความตายของลูกไม่ได้
คุณพ่อเสียใจมาก ส่วนคุณแม่ได้แต่ร้องไห้กอดศพลูกไว้ ร้องเพลงกล่อมที่เขาชอบให้ฟัง จนเขาไปสงบ ก่อนหน้านี้ได้นำทางลูกด้วยการสวดมนต์ บทพระมหาจักรพรรดิ์ ของ ลป.ดู่ วักสะแกค่ะ
ทุกคนทุกฝ่ายได้ทำดีที่สุดแล้ว ในขณะที่เขียนอยู่นี้ คุณแม่ยังอยากคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายค่ะ
แต่คุณแม่และคุณพ่อรู้ว่า ลูกไม่เคยทำบาป เขาเป็นเด็กน่ารัก ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก บางคนก็ชมว่าผิวสวย ฟันสวย แต่วันนี้ลูกไม่อยู่กับเราแล้วค่ะ เขาจากไปอย่างสงบและ ไม่ทรมาน
คุณแม่คุณพ่อขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกน้ำใจค่ะ
แล้วพรุ่งนี้จะนำรูปงานศพน้องมาลงให้ดูค่ะ
ขอบคุณทั้งน้ำตา
จากแม่คนหนึ่งที่เหลือแต่ร่างการและลมหายใจ ส่วนหัวใจของแม่....มันแตกสลายไปแล้วค่ะ |