(D)
คำว่า "แก้ว" มาจากคำบาลีว่า "รัตนะ" รัตนะที่สำคัญมี ๙ ประการที่เรียกว่า นพรัตน์ ได้แก่ "เพชรน้ำดี มณีน้ำแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองสดใสบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาล มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์" คนดีเราก็มักยกย่องว่าเป็นแก้ว ถ้าเป็นชายก็เรียกว่า "บุรุษรัตน์" คือ ชายแก้ว ถ้าเป็นหญิงก็เรียกว่า "นารีรัตน์" คือ นางแก้ว ความดีที่จะทำให้คนเป็นแก้วได้นั้น ท่านให้ดูที่การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของบุคคลนั้น ๆ คือ ถ้าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ไม่บกพร่อง ก็ชื่อว่าเป็นคนแก้ว ชาย หญิง เมื่อได้ตกลงใจเป็นคู่ครองกันแล้ว ฝ่ายชายผู้ปฏิบัติหน้าที่ของสามี ได้อย่างสมบูรณ์ ดังต่อไปนี้เรียกว่า "ผัวแก้ว" คือ
๑. ยกย่องภรรยาของตน ว่าเป็นภรรยาที่แท้จริง เป็นยอดมิตรของตน การใช้กิริยาวาจาต่อภรรยาก็มีแต่ความละมุนละม่อมตลอดเวลา ทั้งเชิดชูให้ปรากฏในสังคมร่วมกับตนเสมอ
๒. ไม่ดูหมิ่นหญิงที่เป็นภรรยาตน ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เช่น เรื่องฐานะ ตระกูล การศึกษา หรือสติปัญญา เห็นใจหญิงผู้ที่ตนได้เป็นภรรยาแล้วว่าเป็นผู้ร่วมสุขร่วมทุกข์ มีความสำคัญในฐานะเป็นแม่บ้าน แม่เรือนของตน
๓. ไม่ประพฤตินอกใจภรรยา สำหรับผู้หญิงแล้วไม่มีอะไรที่จะเป็นทุกข์หนักและเดือดร้อนใจเท่ากับสามีนอกใจไปรักหญิงอื่น หรือได้หญิงอื่นมาเป็นภรรยา สามีที่ดีจึงควรมอบความรัก มอบดวงใจให้แก่ภรรยาคนเดียว
๔. มอบความเป็นใหญ่ในบ้านให้ภรรยา กิจการในบ้านในเรือนให้ภรรยาเป็นผู้จัดการ ตามแต่จะเห็นงาม ให้ความไว้วางใจในการเก็บรักษา ดูแลทรัพย์สมบัติที่สามีหามาได้
๕. ให้เครื่องแต่งตัวแก่ภรรยา ตามสมควรแก่โอกาสและตามสมควรแก่ฐานะ เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความเอาใจใส่ต่อภรรยา มีคำกล่าวไว้ว่า "ดูอัธยาศัยผัว ดูเครื่องแต่งตัวของเมีย" สามีจึงไม่ควรเพิกเฉยดูดายในเรื่องนี้ ผู้รู้ท่านได้สรุปลักษณะของ "ผัวแก้ว" ไว้เป็นบทกลอนดังนี้
สามีดีมีห้าท่านว่าไว้
หนึ่งเอาใจยกย่องประคองขวัญ
สองไม่ดูถูกภรรยาให้จาบัลย์
สามผูกพันไม่นอกใจจนวายวาง
สี่มอบความเป็นใหญ่ให้สายสมร
ห้าให้อาภรณ์ประดับสำหรับร่าง
สมบัติห้านี้มีครบจบไม่จาง
เป็นเยี่ยงอย่างยอดสามีดีนักเอย |