(D)
หญิงผู้มีฐานะทางสังคมควบคู่กับสามีก็คือ ภรรยา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นถึงผู้จัดการเกี่ยวกับการบ้านการเรือน จึงเรียกว่า "แม่บ้านแม่เรือน" ดังคำกลอนที่ว่า
"แม่เรือนเสมือนหนึ่งรากแก้ว
รากขาดแล้วกิ่งใบไม่ไพศาล
เรือนสามน้ำสี่อย่าขี้คร้าน
กิจในบ้านเป็นสมบัติของสตรี"
หมายความว่าแม่บ้านแม่เรือนจะต้องใส่ใจใน "เรือน ๓ น้ำ ๔" คือ
เรือน ๓ คือ
๑. กายเคหะ เรือนกาย ให้เอาใจใส่ร่างกายทั้งในด้านสุขภาพและการตกแต่ง อย่าปล่อยตัวจนเกินไป แต่ก็ไม่ควรแต่งตัวจนเกินไปด้วยเช่นกัน
๒. อาศัยเคหะ เรือนที่อยู่อาศัย ให้จัดแจงดูแลให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เครื่องใช้ในบ้าน เก็บไว้เป็นที่เป็นทาง
๓. กุลเคหะ เรือนครอบครัว หมายถึงผู้ที่อยู่ร่วมบ้านในฐานะเป็นญาติทั้งของตนและสามี ปฏิบัติดูแล้วให้เหมาะให้ควรแก่ฐานะของบุคคลนั้น ๆ
ส่วนน้ำ ๔ คือ
๑. น้ำภักดิ์จงรักสัตย์ซื่อ
๒. น้ำแรงร่วมมือทำกิจ
๓. น้ำคำฉ่ำหวานสมานมิตร
๔. น้ำจิตเมตตาอารี
น้ำทั้ง ๔ ประการนี้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงการงานในเหย้าเรือนให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น
นอกจากเรือน ๓ น้ำ ๔ แล้ว ท่านยังสอนให้ปฏิบัติหน้าที่ภรรยาตามหลักพระพุทธศาสนา ดังนี้
๑. จัดแจงการงานในบ้านดี ไม่ปล่อยปละละเลยให้คั่งค้าง
๒. สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามีดี หมายถึง ญาติมิตรของสามี ไปมาหาสู่ฉันญาติมิตร ก็แสดงอัธยาศัยไมตรี โอภาปราศรัย ให้การต้อนรับตามควรแก่ฐานะ
๓. ไม่นอกใจสามี คือไม่ปันใจปันกายให้ชายอื่น
๔. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้เป็นอย่างดี ไม่ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย
๕. ขยันไม่เกียจคร้านในการงานทั้งปวง อดทน ไม่เบื่อหน่ายในหน้าที่การงานของตน
ภรรยาที่ปฏิบัติเช่นนี้ได้ ชื่อว่าเป็นเมียแก้ว สามารถนำความสุขความเจริญมาสู่ครอบครัว และสามารถที่จะครองใจของสามีไว้ได้ตลอดไป |