(D)
^^ ขำ ขำ กับพระมหาสมปอง..^^
เรื่องวัตถุดิบ
ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า
- ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต
มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูล วัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา-
อาตมาก็ตอบว่า หลักๆ เลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละคร ที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ
พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที - ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน-
อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญ หากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้า ใจตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลกและ จะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไรซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา ก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆ นี่แหละ
อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
- พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ-
- หา อะไรนะ-
- พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ-
- ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร-
- อ๋อ ขอโทษค่ะ-
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
- เจริญพร-
- ค่ะ เจริญพรเช่นกัน-
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย
ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่อง
ปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่นพอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
- ถวายสังฆทานค่ะ-
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
- ไม่ต้องค่ะ- โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
- ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ- เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
- อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ- ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)
พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
- คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่-
อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า
- คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก-
เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย
แต่ก็มีบางกรณี ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
- หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ-
- ไปไหนล่ะโยม-
- ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ-
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
จากตัวอย่างที่อาตมาเล่าไว้ข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อน
ให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษเท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสุดุ้งแต่อย่างใด ถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
- แม่ๆ พระมาขอข้าว-
- มาเยอะไหมลูก-
- มา2 อัน-
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆ ด้วย
- ถ้าพระกิน เรียกว่า ฉัน-
- พระนอน เรียกว่า จำวัด- (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
- พระป่วย เรียกว่า อาพาธ-
- พระตาย เรียกว่า มรณภาพ- (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
- แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย-
คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
- เรียกคนมาดู-
จบกัน
*********************************
สวัสดีครับ พี่ๆทุกท่านด้วยครับ
เพิ่งจะมาเป็นสมาชิก ได้ 2 วันแล้วครับ เลยทดลองตั้งคำถามดูครับ
ผมขอฝากเนื้อฝากตัว แต่หัวใจผมมีที่ฝากแล้วครับ ด้วยน่ะครับ  |
|