ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ++++ มาดูความน่ารักของภาษาลาวกันครับ ++++



(D)
++++ มาดูความน่ารักของภาษาลาวกันครับ ++++

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

ท = ไทย ล = ลาว

สถานที่
ท : ห้อง คลอด ล : ห้องประสูติ
ท : นางผดุง ครรภ์ ล : นางประสูติ
ท : ห้องไอซียู ล : ห้องมรสุม
ท : ปั๊มป์เชล ล : ปั๊มป์หอย
ท : ไฟ แดง ล : ไฟอำนาจ
ท : ไฟเขียว ล : ไฟอิสระ
ท : ถ่ายเอกสาร / ถ่ายสำเนา ล : อัดเอกสาร
ท : ร้านถ่ายรูป ล : ร้านแหกตา

ภาพยนตร์
ท : Superman ล : บักอึดถลาลม
ท : Face Off ล : หน้าข้อยอยู่ปู๊น หน้าเปิ้นอยู่นี่
ท : Speed ล : เบรกบ่อยู่
ท : สองสิงห์ชิงบัลลังก์ ล : สองสิงห์ชิงตั่งนั่ง
ท : รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย ล : ฮักคักคัก ชักแงกแงก
ท : โลกทั้งใบให้นายคนเดียว ล : โลกโม้ดม้วยให้โต๋ผู้ เดียว
ท : หนูน้อย พเนจร ล :**น้อย ตุหรั่ดตุเหร่
ท. ไททานิค ล: ชู้รักเรือ ล่ม
ท. ศรราม ออกอัลบั้ม อย่างนี้ต้องตีก้น ล: ศ่อนฮาม ออกแผงอย่างนี่ต้องตีดาก
ท. ห้องผ่าตัด ล. ห้องปาด
ท.จู ราสสิคปาร์ค ล.กะปอมพยศ
ท.เชือด เชือด นิ่ม นิ่ม ล.ปาด ปาด เนิบ เนิบ
ท.หลอด ฟลูออเรสเซนต์ ล. ข้าวหลามแจ้ง
ท. รถไฟ ล.ห้องแถวไหล

นักกีฬา: ปล่อย ตัวนักวิ่ง 100 เมตร
ท.เข้า ที่ ล. เข้า ซ่อง
ท.ระวัง ล.โก่งดาก
ท.ไป ล.แล่น

โดยคุณ ไชยา29 (0)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 08:56 น.]



โดยคุณ ไชยา29 (0)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 08:56 น.] #250511 (1/19)


(D)
******บทสวดวันไหว้ครูฉบับขำๆ มาดูกัน****
ผมไปเจอมาจากในเว็บไซต์หนึ่ง ผมไม่ต้องการลบหลู่ครูนะ แต่เห็นมันขำดี
(แต่มาคิดๆดูแล้ว ปัจจุบันก็คล้ายอย่างนี้เหมือนกัน)

"บทสวดวันไหว้ครู"
ปาเจรา วีดีโอโหนตุ...โทรทัศน์สรา ตำราบ่สน...
ข้าฯขอเคารพน้อมสักการ แต่โทษทัศนาจารย์
และวีดีโอเอ็กศึกษา ทั้งวิทยุประกาศวิชา
อบรมจริยา แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
ข้าฯข้อเคารพเทปทุกๆอัน สามม้วน 1 วัน
1 วัน เรียน3วิชา ขอเดชเครื่องถ่ายเอกสารมา
อีกวิทยุพกพา ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
อุตสาห์มานั่งเรียนทุกๆวัน เรียนไปก็ปวดกบาล
ฉะนั้นอย่าได้เรียนมันเลย (กราบ)
ปัญญาต๊อกแต๊ก อิโหล่โต๋เต๋ สอบไม่ OK. เลยเรียน8ปี (กราบ)

**จากโน๊ต อุดมแต้พานิชย์

โดยคุณ ไชยา29 (0)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 08:57 น.] #250512 (2/19)


(D)
*****!! ตำนานชื่อ ผีไทยทุกนาม ตามมาทางนี้******
เอามาจากเวปอื่น
“ผี” คือ สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับ มองไม่เห็นตัว แต่อาจจะปรากฏเหมือนมีตัวตนได้ อาจให้คุณหรือโทษได้ มีทั้งดีและเลว หรืออาจหมายถึง คนที่ตายไปแล้ว หรือเทวดาก็ได้ ส่วน “วิญญาณ” หมายถึง สิ่งที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในกายเมื่อมีชีวิต เมื่อตายจะออกจากกายล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่

ด้วยเหตุที่ “ผี” เป็นสิ่งที่ยากจะบอกได้ ถึงรูปพรรณสัณฐานที่แน่นอน มีความลึกลับ ขึ้นกับความเชื่อ และจินตนาการ จึงถูกหยิบยกมาขู่เด็กอยู่เสมอ จนทำให้บางคนแม้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความรู้สึกกลัวผีก็ยังมีอยู่ หนัง/ละครหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นของไทย หรือต่างประเทศ ต่างก็สร้างสรรค์ “ผี” ออกมาในรูปแบบต่างๆ มีทั้งแนวตลกขบขัน แนวสยองขวัญ น่ากลัว หรือแม้แต่แนวรักโรแมนติก ที่ฮิตๆ อมตะสร้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ได้แก่ พวกแดร็กคิวร่า, แฟรงเก็นสไตน์, แวมไพร์ม, ส่วนไทยก็มี แม่นาคพระโขนง, ผีปอบ, ผีกระสือ, ผีกระหัง เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ผีที่เราเห็นในหนังหรือละคร นับว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผีทั้งหลาย ที่ยังมีอีกหลากหลายในไทย ดังนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงอยากจะขอแนะนำ “ผีไทย” ในแบบอื่นๆ ให้รู้จักกันบ้าง โดยทั่วไป คนไทยแต่เดิมได้แบ่งผีออกเป็นประเภทใหญ่ๆ คือ

1. ผีฟ้า ได้แก่ผีที่อยู่บนฟ้า ซึ่งต่อมาเมื่อเรารับความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์มาจากพุทธศาสนา คนไทยภาคกลางจึงเรียกผีที่อยู่บนฟ้าว่า “เทวดา” หรือ “เทพ” และถือว่าเทวดามีหลายองค์ ส่วนคนทางภาคอีสานจะเรียกว่า “แถน”

2. ผีคนตาย ได้แก่ผีที่เชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ผีชนิดนี้มีทั้งผีดีและผีไม่ดี ซึ่งผีดีที่คนนับถือยังแบ่งย่อยเป็นอีก 3 ระดับ คือ ผีเรือน เป็นผีประจำครอบครัว คนไทยโบราณและชนชาติไทบางกลุ่มเรียกว่า “ผีด้ำ” หมายถึง ผีบรรพบุรุษ หรือผีปู่ย่าตายายพ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ยังสถิตอยู่ในบ้านเรือน เพื่อคอยคุ้มครอง และดูแลช่วยเหลือลูกหลาน และลูกหลาน จะต้องเซ่นสรวงตามโอกาสอันสมควร ผีบ้าน คือ ผีประจำหมู่บ้าน บางแห่งเรียก”เสื้อบ้าน” ได้แก่ผีที่คอยคุ้มครอง และให้ความอนุเคราะห์แก่คนในหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละหมู่บ้านมักจะมีสถานที่ สำหรับทำพิธีบูชาบวงสรวง ผีเมือง หรือบางแห่งเรียก ”เสื้อเมือง” ได้แก่ วิญญาณของเจ้าเมืององค์ก่อนๆ หรือวีรบุรุษของกลุ่มชน คอยคุ้มครอง และให้ความอนุเคราะห์ดูแลคนทั้งเมืองหรือรัฐ บางแห่งก็เรียก “เทพารักษ์” และมักมีการสร้างศาลให้เป็นที่สถิต

3. ผีไม่ปรากฎรายละเอียดในด้านความเป็นมาได้แก่ ผีที่ประจำอยู่กับสิ่งต่างๆ ที่มีในธรรมชาติ เช่น ผีป่า ผีเขา ผีน้ำ ผีประจำต้นไม้ เป็นต้น ผีดังกล่าวให้คุณและโทษได้ จึงต้องเซ่นสรวงให้ถูกวิธี โดยเฉพาะเมื่อต้องการความช่วยเหลือ หรือขออนุญาตใช้ประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีผีตามสภาพที่ปรากฏ เช่น บอกสภาพการตาย ได้แก่ ผีตายโหง ผีหัวกุด ผีตายทั้งกลม เป็นต้น ต่อไปนี้จะขอแนะนำผีแต่ละจำพวกให้ได้รู้จักกัน ดังนี้ ผียอดนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักและมักถูกนำมาสร้างหนัง/ละครบ่อยๆ ได้แก่

- ผีกระสือ คือผีที่เข้าสิงในตัวผู้หญิง และชอบกินของโสโครก คู่กับผีกระหัง ที่ชอบเข้าสิงผู้ชาย เชื่อกันว่าผีกระหังเป็นผู้ชายที่เรียนวิชาอาคม เมื่อแก่กล้าก็มีปีกมีหาง จะไปไหนก็ใช้กระด้งต่างปีก สากตำข้าวต่างขา สากกะเบือ ต่างหาง ชอบกินของโสโครกเช่นเดียวกับกระสือ

- ผีปอบ คือ ผีที่สิงอยู่ในตัวคน พอกินตับไต้ไส้พุงหมดแล้วก็จะออกไปและคนๆ นั้นก็จะตาย

- ผีดิบ คือ ผีที่ยังไม่ได้เผา หรือผีดูดเลือด

- ผีตายทั้งกลม คือ หญิงที่ตายในขณะที่ลูกอยู่ในท้อง

- ผีตายโหง คือ คนที่ตายผิดธรรมดา เช่น ถูกฆ่าตาย ตกน้ำตายหรือตายด้วยอุบัติเหตุ

- ผีพราย หมายถึงหญิงที่ตาย อันเนื่องมาจากคลอดลูกหรือตายในขณะที่ลูกเกิดมาได้ไม่นาน เชื่อกันว่าวิญญาณหญิงดังกล่าว จะมีความร้ายกาจมาก ,ส่วนผีพราย อีกประเภทหนึ่ง คือคนแก่ที่ป่วยไข้ออดแอด จนไม่มีกำลังต้องนอนซมอยู่เสมอ แต่พอคนอื่นไม่อยู่หรือเผลอ คนแก่นั้นก็เปลี่ยนไป ดวงตากลับวาวโรจน์ และมีเรี่ยวแรงลุกไปหาของกินที่เป็นของสดหรือมีกลิ่นคาว หากมีใครมาพบ ก็จะทำท่าหมดแรงต้องนอนซมเหมือนเดิม บางแห่งก็ว่าผีพรายสามารถจำแลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ ได้ โดยเฉพาะนกเค้าแมว หากบ้านไหนมีคนป่วยและมีนกเค้าแมวมาเกาะ จะเชื่อกันว่าผีพรายแปลงกายมาซ้ำเติมคนป่วยให้ตายโดยเร็ว ส่วนผีที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มข้างต้น แต่ชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไรก็ได้แก่

- ผีโพง และ ผีเป้า คือผีที่ชอบกินของสด ของคาว เช่น เลือดสด และสิงในคนได้ บ้างก็ว่าผีโพงสิงคนแล้ว จะทำให้มีแสงสว่างออกมาทางจมูกเวลาหายใจ และชอบหากินเวลากลางคืน

- ผีโขมด เป็นพวกเดียวกับผีกระสือหรือผีโพง เห็นเป็นแสงเรืองวาวในเวลากลางคืน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าคนถือไฟอยู่ข้างหน้า

- ผีกองกอย คือ ผีชนิดหนึ่งที่มีตีนเดียว ไม่มีสะบ้าหัวเข่า จึงต้องเดินเขย่งเกงกอย ชอบออกมาดูดเลือดที่หัวแม่เท้าของคนที่นอนหลับพักแรมในป่า
สำหรับผีที่ให้คุณก็มี ผีขุนน้ำ คือ อารักษ์ประจำต้นน้ำแต่ละสาย ซึ่งสถิตอยู่บนดอยสูง ผีขุนน้ำมักอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ ชาวบ้านจะอัญเชิญมาสถิตที่หอผี ที่ปลูกอย่างค่อนข้างถาวรใต้ต้นไม้เหล่านี้ ผีขุนน้ำที่อยู่ต้นแม่น้ำใด ก็มักจะได้ชื่อตามแม่น้ำนั้น เช่น ขุนลาว เป็นผีอยู่ต้นแม่น้ำลาว ในจ.เชียงราย ผีมด และ ผีเมง คือ ผีบรรพบุรุษตามความเชื่อชาวล้านนา ( คำว่า “มด” หมายถึงระวังรักษา) ส่วนผีเมงนี้เข้าใจกันว่ารับมาจากชนเผ่าเม็ง หรือมอญโบราณ ผีเจ้าที่ คือผีที่รักษาประจำอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นผู้ดูแลรักษาเขตนั้นๆ ดังนั้น คนโบราณเมื่อเดินทางและหยุดพักที่ใด มักจะบอกขออนุญาตเจ้าที่ทุกครั้ง

- ผีเจ้านาย คือ ผีที่มาประทับทรงเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชาวบ้านชาวเมือง แต่มิใช่เสื้อบ้าน เสื้อเมืองหรือผีปู่ย่าตายาย ผีย่าหม้อหนึ้ง เป็นผีจำพวกผีเรือนสถิตอยู่กับหม้อที่ใช้นึ่งข้าว เมื่อใครจะเดินทางไกลก็นำข้าวเหนียวหนึ่งปั้น และกล้วยหนึ่งผล ไปสังเวยบอกกล่าวผีย่าหม้อหนึ้งเพื่อให้คุ้มครอง หรือหากลูกหลานไม่สบายร้องไห้โยเยกลางคืน ชาวบ้านก็มักไปเอายาจากผีย่าหม้อหนึ้งโดยขูดเอาดินหม้อ ที่ติดกับหม้อไปผสมน้ำให้ลูกอ่อนกิน นอกจากดูแลคุ้มครองทรัพย์สินในครัวเรือนแล้ว ยังมีอำนาจในการพยากรณ์ได้ด้วย ซึ่งการลงผีย่าหม้อหนึ้งนี้ มักทำเมื่อบุตรหลานไม่สบายหรือของหาย
นอกเหนือไปจากผีดังกล่าวแล้ว ในแต่ละท้องถิ่นยังมีผีอีกหลายประเภท ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน อาทิผีกละ หรือ ผีกะเป็นผีที่มักเข้าสิงคนเพื่อเรียกร้องจะกินอาหาร เมื่อเข้าสิงใคร ก็จะแสดงกิริยาผิดปกติไป เมื่อคนสังเกตเห็นก็มักร้องขอกินอาหารและจะกินอย่างตะกละตะกลาม จึงเรียกผีกละตามลักษณะการกิน แต่มักเขียนเป็นผีกะ ผีกละยักษ์ เป็นผีที่อยู่รักษาสถานที่ต่างๆ เช่น วัดร้าง ถ้ำ หรือที่ซึ่งมีสมบัติฝังหรือซ่อนอยู่ ผีกละยักษ์จะคอยพิทักษ์สมบัติเหล่านั้น จนกว่าเจ้าของจะรับทรัพย์สินเหล่านั้นไป

ในกรณีผีกละยักษ์ที่อยู่ในวัด เล่ากันว่า มักจะเป็นวิญญาณของพระหรือเจ้าอาวาสที่ผิดวินัย เมื่อตายแล้วไปเกิดไม่ได้ จึงต้องทำหน้าที่พิทักษ์วัดไปจนกว่าจะสิ้นกรรม รูปร่างของผีกละยักษ์ ไม่แน่นอน บ้างก็ว่าเป็นหมูตัวใหญ่ที่มีร่างกายเป็นทองแดง บ้างก็ว่าเป็นสุนัขใหญ่สีดำสนิททั้งตัว ผีตามอย (อ่านว่า ผี-ต๋า-มอย) หมายถึงผี 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นผีที่อาศัยอยู่ในเขตที่มีคน ผีชนิดนี้จะคอยมาเลียก้นคนที่ไปถ่ายอุจจาระ เพราะคนสมัยก่อนมักไปถ่ายตามขอนไม้ เมื่อถ่ายเสร็จก็จะใช้ไม้แก้งขี้ปาดไปตามร่องก้นให้สะอาด ถ้าแก้งขี้ไม่สะอาดก็จะถูกผีตามอยมาเลียก้น ทำให้เจ็บไข้ได้ วิธีแก้คือให้เอาดุ้นไฟสุดหรือไม้ที่เหลือจากไฟไหม้แล้วมาแก้งขี้เสีย (แก้ง-หมายถึงขูดให้สะอาด)

ผีตามอย อีกชนิด เป็นผีที่คอยจับเอาหนุ่มหรือสาววัยรุ่นที่แตกกลุ่มเพื่อนที่เข้าไปในป่าหรือในดง นำไปมีเพศสัมพันธ์กับตน โดยคนที่ถูกกุมไปมักมีสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น

ผีโป่ง เป็นผีที่อยู่ตามโป่งซึ่งอาจเป็นโป่งดิน คือบริเวณที่มีดินเค็มซึ่งสัตว์มักไปแทะกิน หรือโป่งน้ำ คือที่มีน้ำผุดออกมาจากดิน ผู้ที่ไปสู่บริเวณโป่ง หากไม่สำรวมอาจจะถูกผีโป่งทำร้าย ทำให้เจ็บปวดที่เท้าหรือขา หรืออาจมีอาการเจ็บไข้รักษาไม่หาย
นอกจากผีลักษณะต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว เรายังมีทั้งการละเล่น สำนวน ช่วงเวลา กิริยาอาการและคำหลายคำที่เกี่ยวกับผี เช่น ผีด้งหรือผีนางด้ง เป็นผีที่หนุ่มสาวในท้องที่จะเชิญมาเล่นตามลานบ้านช่วงสงกรานต์, ผีถ้วยแก้ว เป็นการเล่นทรงเจ้าเข้าผีโดยผู้เล่นเอานิ้วแตะก้นแก้ว ให้เคลื่อนไปตามตัวอักษร เพื่อสื่อความหมาย, ผีถึงป่าช้า หมายถึงจำใจทำเพราะไม่มีทางเลือก, ผีบุญ คือ ผู้อวดคุณวิเศษว่ามีฤทธิ์ทำได้ต่างๆ นานา, ผีบ้านไม่ดี ผีป่าก็พลอย หมายถึง คนในบ้านเป็นใจให้คนนอกบ้านเข้ามาทำความเสียหายได้,

ผีซ้ำด้ำพลอย คือ ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งหรือเมื่อคราวเคราะห์ร้าย, ผีอำ คือ อาการที่ปรากฏเมื่อเวลานอนเคลิ้มไปว่ามีคนมาปลุกปล้ำหรือยึดคร่า ทำให้มีอาการเหนื่อยหอบจนตื่นขึ้น บางคนก็เรียก ผีทับ จะมีอาการอึดอัด พูดจาไม่ได้ ลุกไม่ได้ ผีผลัก คืออุบัติเหตุที่ทำให้บาดเจ็บหรือล้มตาย เนื่องจากใช้ของแหลมมาจี้ใส่กันเป็นเชิงล้อเล่น, ผีเจาะปาก หมายถึงมีปากก็สักแต่พูดเรื่อยเปื่อย พูดไม่มีสาระ,

ผีพุ่งไต้ หมายถึงดาวตก ผีตากผ้าอ้อม หมายถึง แสงแดดที่สะท้อนกลับมาสว่างในเวลาเย็นจวนค่ำ มีสีส้มอมเหลือง, ผีขนุน หมายถึงหญิงขายบริการตามต้นขนุนริมคลองหลอด กรุงเทพฯ, ผีเพลีย คือดิถีวันห้าม ไม่ให้แรกนา ฯลฯ (ดิถี คือการนับวันตามจันทรคติ เช่น ขึ้น 1 ค่ำ แรม 2 ค่ำ เป็นต้น)ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น แม้จะเป็นเพียงบางส่วนของเรื่องผีๆ แต่เชื่อว่าคงจะทำให้ท่านได้รู้จัก “ผีของไทย”มาก ยิ่งขึ้น

โดยคุณ ไชยา29 (0)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 08:58 น.] #250514 (3/19)
สวัสดีครับ พี่ๆทุกท่านครับ

ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยครับ สนุก นุก ครับ


โดยคุณ Koh3955 (1.4K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 09:51 น.] #250534 (4/19)
...เพิ่มเติมภาษาลาวครับ...

ท. ลานบิน/รันเวย์ - ล. ลานเจิด
ท. ผู้เชี่ยวชาญ - ล. ผู้คักแน( แน...ลากเสียงยาวนิดนึงครับ )

นึงออกแค่นี้ครับ เดี๋ยวจะมาเพิ่มเติมอีก...

โดยคุณ ทวารวดี (4.9K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 11:02 น.] #250556 (5/19)


(D)
ล/ท

คำทั่วไป
ฮ้าย : ดุ
ม่วนซื่น : สนุกสนาน
ฮับต้อน : ต้อนรับ
ยาม : เยี่ยมเยือน
เฮ็ดเวียก : ทำงาน
ลัก : ขโมย
พัวพัน : ติดต่อ
ฮักแฮง รักมาก
ซุกยู้ : สนับสนุน, ส่งเสริม
นายภาษา : ล่าม
ผู้ต่างหน้า : ตัวแทน, ผู้แทน
ห้องการ : สำนักงาน
ไปนอก : ไปห้องน้ำ
น้ำของ : แม่น้ำโขง
ขัว : สะพาน, ขวา
อ่างดาวเทียม : จานดาวเทียม
ป่องเยี่ยม : หน้าต่าง
แว่นแยง : กระจกส่องหน้า
ตะเว็น : พระอาทิตย์
ทิ่ม : ทิ้ง, ทำให้ตก (สิ่งของ.ขยะ)
ขี้เหยื่อ : ขยะ
โฮงแฮม : โรงแรม
พะยาด : โรคภับไข้เจ็บ
นายแพด : บุรุษพยาบาล
นางแพด : นางพยาบาล
โฮงหมอ : โรงพยาบาล
ท่านหมอ : นายแพทย์.แพทย์หญิง
ห้องการป้องกันความสงบ : สถานีตำรวจ
ทะนาคาน : ธนาคาร
จั๋งได๋ : อย่างไร
เกิบ : รองเท้า
ลองเท้า : ถุงเท้า
ตั่ง : เก้าอี้
โมง : นาฬิกา
ฮ้านแปงโมง : ร้านซ่อมนาฬิกา
ฮ้านจอดยาง : ร้านปะยาง
สบู่ฝุ่น : ผงซักฟอก
แพ้ : ชนะ
เสียให้ : แพ้
แอบกาย : ออกกำลังกาย
หลวง : ใหญ่โต
กะปอมหลวง : ไดโนเสาร์
จำปาหลวง (เซียงเมี่ยง) : ดอกลั่นทม
เจ้ามหาชีวิต : ในหลวง
หมั้นยืน : ยืนยาว
เฮือนพัก : บ้านพัก, เกสต์เฮาส์
เคื่อง : สินค้า
สินค้า : ขายสินค้า
ขายเคื่อง : ผ้า
แผ่นแพ,ผ้าแพ : เสื้อผ้าสำเร็จรูป
โส้ง : กางเกง
ซิ่น : ผ้านุ่ง
ขายโต, ขายของ : ค้าประเวณี
ถุงยาง : ถุงพลาสติก
เสื้อกันฝนตัวน้อย : ถุงยางอนามัย
เซินซาบ : โปรดทราบ
ตื่นตาม : ตื่นตูม
บ่อนท่องเที่ยว : สถานที่ท่องเที่ยว
ย่าง : เดิน
ถ้ำติ่ง.ถ้ำหินติ่ง : ถ้ำหินงอกหินย้อย
วันสังขานล่อง : วันสงกรานต์
วันสังขานขึ้น : วันปีใหม่
ใบยั่งยืน : ใบประกาศเกียรติคุณ
ใบประหยัด : ระวัง
เสีย : หาย
มอดไฟ : ดับไฟ
ไฟอำนาจ : ไฟแดง
ไฟเกียม : ไฟเหลือง
ไฟเสรี : ไฟเขียว
กะเกียม : ตระเตรียม
บ่ค่อยมัก : ไม่ค่อยชอบ
ต่ำหูก,ตำแผ่น : ทอผ้า
ปาฝา : ตะพาบน้ำ
ทั้งพวง : ทั้งระบบ
ปูยาง : ราดยาง
บ่อนนั่ง : ที่นั่ง
ห้ามสูบยา : ห้ามสูบบุหรี่
ตาด : น้ำตก
ทุ่งเพียง : ที่ราบ
พูเพียง : ที่สูง
พูดอย : ภูเขา


สรรพนาม
ข้อย : ฉัน
พวกเฮา : เรา
เจ้า : คุณ
มัน : มัน
พวกเจ้า : พวกท่าน
หยัง : อะไร
ท้าว : นาย
สาว : นางสาว
แม่ : นาง
เฮ็ด : ทำ
ซอย, ซอยเหลือ : ช่วย
ฮู้ : รู้
เยี่ยมยาม : เยี่ยมเยือน
โอ้โลม : พูดคุย, สนทนา
บ่ย่าน : ไม่กลัว
ไข : เปิด
อัด : ปิด
แถ : โกน
ขวัด: แคะ
ปด : ถอด
ถอก : เท (น้ำ)
แว่ : แวะ
วันพะหัด : วันพฤหัสบดี
ยามเช้า : ตอนเช้า
ยามสวย : ตอนสาย
ยามแลง : ตอนเย็น
มื่อนี่ : วันนี้
เซ่านี่ : เช้านี้
มื่อแลง : เย็นนี้
วันพุก, มื่ออืน : พรุ่งนี้
วันฮือ : มะรืนนี้
มื่อวานนี่ : เมื่อวานนี้
จั๊กโมงแล้ว : กี่โมงแล้ว
แต่โดน : นานมาแล้ว
บ่โดน : ไม่นาน
หว่างแล้ว : ไม่นานมานี้
เทือ : ครั้ง
ม่อๆนี้ : เร็วๆนี้


หมวดอาหาร
ข้าวเซ่้า : อาหารเช้า
ข้าวสวาย : อาหารกลางวัน
ข้าวแลง : อาหารเย็น
แต่งกิ่น, ทำกับข้าว : ทำอาหาร
ร้านกิ่นดื่ม : ร้านอาหาร
กิ่นเข่า : กินข้าว
ซิ้นงัว : เนื่อวัว
ซิ้นหมู : เนื้อหมู
หมูปิ้น : หมูหัน
ผักซู : กะหล่ำปลี
หมากเผ็ด : พริก
หมากไม้ : ผลไม้
หมากเขียบ : น้อยหน่า
หมากฮุ่ง : มะละกอ
หมากนัด : สัปรด
หมากจอง : ชมพู่
หมากม่วง : มะม่วง
หมากโม : แตงโม
หมากเกี้ยง (ใหญ่) : ส้มโอ
ข้าวเจ้า : ข้าวสวย
ข้าวเปียก : ข้าวต้ม
ข้าวคั่ว : ข้าวผัด
เฝอ : ก๋วยเตี๋ยว
หม้ำ : ไส้อั่ว
คั่วหมี่ : หมี่ผัด
ซิ้นจุ่ม : แจ่วฮ้อน
น้ำบอลิสุด : น้ำเปล่า
น้ำหวาน : น้ำอัดลม
น้ำก้อน : น้ำแข็ง
ซาเย็น : น้ำแข็งใส่ชา
ซาหวานเย็น : ชาดำเย็น
กะแลม : ไอศกรีม
ขนมคู่ : ปาท่องโก๋
ข้าวจี่ : ขนมปัง
แซ่บหลาย : อร่อยมาก
ฮ้อน : ร้อน
ส้ม : เปรี้ยว
แก้ว : ขวดน้ำ
ท่อดูด : หลอดดูด
จอก : แก้วน้ำ
แก้ว : ขวด
ชาม : กะละมัง
ถ้วย : ชาม
เจี้ยอนามัยผ้าอนามัย : กระดาษทิชชู่
ไล่เงิน : เก็บเงิน (เวลาไปทานอาหาร)


ช้อปปิ้ง
เท่าได๋ : เท่าไหร่
ถึก : ถูก
แพง : แพง
จักรคิดไล่ : เครื่องคิดเลข
มักหลาย : ชอบมาก
แพงหลาย : แพงมาก
ลดได้บ่ : ลดหน่อยได้ไหม
หลุดราคา : ลดราคา
ซอกซื้อ : หาซื้อ
คำ : ทองคำ
ทอง : ทองเหลือง
คำกิโล : ทอง 99 เปอร์เซ็นต์
หลายโพด : มากไป
น้อยโพด : น้อยไป
อันนี่แม่นหยัง : นี่อะไร
หยัง, แม่นหยัง : อะไร
อันนั้นแม่นหยัง : นั่นอะไร
ลดใหญ่ : รถยนต์
ลดจัก : รถมอเตอร์ไซค์
ลดถีบ : รถจักรยาน
สามล่อ : รถสามล้อ
ลดเม : รถประจำทาง
แอ๊ดซัง : เบนซิน
กาซวน : โซล่า
ปิล็อต : นักบิน, กัปตัน
โอแตส, สาวอากาศ : แอร์โฮสเตส
เดิ่นบิน : สนามบิน
เดิ่นกีฬา : สนามกีฬา
ปี้ : ตั๋ว
ปี้ยน : ตั๋วเครื่องบิน
บ่อนขายปี้ : ที่ขายตั๋ว
ข้าวของ : กระเป๋า, สัมภาระเดินทาง


คำทักทาย
ซำบายดี : สวัสดี
ขอบใจ : ขอบคุณ
ขอบใจหลายๆ : ขอบคุณมาก
บ่เปนหยัง : ไม่เป็นไร
ขอโทด : ขอโทษ
ขอให้เข้มแข็ง : ขอให้มีสุขภาพดี
ขอให้มั่นยืน : ขอให้อายุยืน
ข้อยฮักเจ้า : ฉันรักเธอ
บ่ดี : ไม่ดี
งาม : สวย
เจ้าชู้ : รูปงามมีเสน่ห์ (คำชม)
น่าฮัก : น่ารัก
แม่นแล้ว : ใช่
บ่., บ่แม่น : ไม่ใช่
ลาก่อน : ลาก่อน (จากไปไกล)
โซกดี : ลาก่อน (ยังอยู่ใกล้)
ยินดีที่ฮู้จัก : ยินดีที่ได้รู้จัก
เจ้าซื่อหยัง : คุณชื่ออะไร
ข่อยซื่อ : ฉันชื่อ
เจ้ามาแต่ไส : คุณมาจากไหน
สบายดีบ่ : คุณเป็นอย่างไรบ้าง

โดยคุณ ทวารวดี (4.9K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 11:25 น.] #250573 (6/19)


(D)
ตึกกองบัญชาการทหารสูงสุด ภาษาลาว = ตึกกองบัญชาการทหารสูงลิ่ว

ห้ามยื่นแขนออกนอกรถ ภาษาลาว = ห้ามเด่แขนออกนอกรถ

แอร์โฮสเตส ภาษาลาว = นางบำเรอกำปันเหาะ

ลูกครึ่ง ภาษาลาว = ลูกซอด

โดยคุณ LITTLEGIFT (1.5K)(1)   [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 11:31 น.] #250577 (7/19)

โดยคุณ RIN101 (2K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 11:34 น.] #250579 (8/19)
พูดภาษาอะไรกันครับผมฟังไม่รู้เรื่องเลย

โดยคุณ ทวารวดี (4.9K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 12:16 น.] #250588 (9/19)


(D)
การสั่งเกี๋ยวเตี๋ยวที่เวียงจันทร์ นั้นต้องสั่งเป็นถ้วย อย่าสั่งเป็นชาม เพราะคำว่าชามในภาษาลาว หมายถึงกะละมัง ก๋วยเตี๋ยว หนึ่งชาม ***จึงเกินบริโภค** ผงชูรสคนลาวเรียก แป้งนัว ผงซักฟอกเรียกฝุ่น

ภาษาลาวที่อยู่บนเครื่องบิน ลาวเขาเรียก นางบำเรอกำปั่นเหาะ ( แอร์โฮสเตส )
" กรุณา อย่าถอดเข็มขัด จนกว่าสัญญาณไปเตือนจะดับ " พนักงานต้อนรับบนเครื่องสายการบินไทยคงพูดเช่นนี้
แต่คำเตือนบนเครื่องบินลาว จะบอกว่า " ไฟ บ่ มอด บ่จักถอดเข็มขัด " ความหมายเดียวกันทุกอย่าง ตรงความหมายดีแท้

หลุดอีกได้บ่
คนไทยอึ้งไปเลยตอนที่เจอชาวต่างประเทศอ้ายน้องของไทยเราเอง
พูดตอนที่มาซื้อของที่ร้าน ตอนแรกเข้าใจว่าคงฟังผิดไป
สุดท้ายยิงมาบ่อย ๆ เข้าก็เออ เค้าพูดว่า"หลุด"จริง ๆ นะ
ไม่ได้พูดว่าลดอย่างที่เรา ๆ เข้าใจกัน

ปรากฏสืบทราบว่าในภาษาลาวเนี่ย เวลาต่อราคา
เค้าจะใช้คำว่า หลุด หมายถึงหลุดจากราคาเดิมว่างั้น

อย่างถ้าตากผ้าอยู่ระเบียงชั้น 2 พอฝนตก
"ไปกู้ผ้าล่ะบ่หา" (ไปเก็บผ้ารึยังหือ)

หรืออย่างถ้าดูว่ารถถอยจะชนหรือเปล่าอยู่ล่ะก็
"หวิด ๆ ไปได้อีก " (แปลว่าไม่ชน ๆ ไปได้อีก)
อารมณ์ประมาณว่ารอดอย่างหวุดหวิดประมาณนี้
(คำนี้ชาวอิสานก็ใช้)

ถ้าคุณจะไปว่ายน้ำล่ะก็ ต้องบอกว่า
"ไปลอยน้ำ" ขืนไปพูดไหว้น้ำล่ะก็ คนลาวงง
เพราะภาษาเค้าไม่มีคำว่า "ว่าย"

ถ่ายรูปหมู่ = แหกตาสามัคคี
กระทรวงต่างประเทศ = กระทรวงพัวพัน
แบดมินตัน = กีลาดอกปีกไก่
แก้ว = จอก
ขวด = แก้ว
(ดังนั้นถ้าคุณขอน้ำเปล่า 2 แก้ว คุณจะได้น้ำเปล่า 2 ขวดแทน)
หมวกกันน๊อค = หมวกกันกระทบ
ชนแก้ว = ตำจอก
**********************วันนี้คุณตำจอกหรือยัง**********************

โดยคุณ ไชยา29 (0)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 12:27 น.] #250594 (10/19)


สนุกดีครับ ได้อะไรเพิ่มเติมมากๆๆเลย

โดยคุณ manoon09 (53)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 13:40 น.] #250616 (11/19)
ท. ขีปนาวุธ ล. ลูกศรไฟ :

โดยคุณ ทวารวดี (4.9K)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 15:47 น.] #250679 (12/19)


(D)
ภาษาลาวเป็นภาษาที่เป็นกันเอง ตรง มีความงามของวัฒนธรรมทางภาษาแฝงอยู่อย่างสวยงาม น่าศึกษาเรียนรู้ มีวัฒนธรรมโบราณมายาวนาน ประวัติศาสตร์ยุคแรกๆ ของลาว ตั้งแต่อาณาจักรน่านเจ้าจนถึงอาณาจักรล้านช้าง และยังมีความเกี่ยวพันกับภาคอีสานของไทยจนเรียกได้ว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทย
*********************สาระน่ารู้***************************
สำเนียงภาษาถิ่นของภาษาลาวสามารถแบ่งได้ 6 สำเนียงใหญ่ คือ:

ภาษาลาวเวียงจันทน์ (เวียงจันทน์ บอลิคำไซ)
ภาษาลาวเหนือ (หลวงพระบาง ไซยะบูลี อุดมไซ)
ภาษาลาวตะวันออกเฉียงเหนือ (เซียงขวาง หัวพัน)
ภาษาลาวกลาง (คำม่วน สะหวันนะเขด)
ภาษาลาวใต้ (จำปาสัก สาละวัน เซกอง อัตตะปือ)
ภาษาลาวตะวันตก (ไม่มีใช้ในประเทศลาว ร้อยเอ็ด)

ภาษาลาวอีกสำเนียงหนึ่งที่ไม่มีในประเทศลาวคือ ภาษาลาวตะวันตก (ภาษาลาวร้อยเอ็ด) เป็นภาษาลาวท้องถิ่นที่ใช้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาษาอีสาน สำเนียงนี้ใช้พูดกันมากในแถบตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุดรธานี นครราชสีมา (อ.บัวใหญ่ สีดา สูงเนิน ชุมพวง บัวลาย แก้งสนามนาง ประทาย โนนแดง ปักธงชัย สีคิ้ว บางหมู่บ้าน) สุรินทร์ (อ.รัตนบุรี โนนนารายณ์) บุรีรัมย์ (อ.พุทไธสง นาโพธิ์ บ้านใหม่ไชยพจน์ ลำปลายมาศ หนองหงส์ และบางหมู่บ้านของอำเภอสตึก โนนดินแดง โนนสุวรรณ หนองกี่ คูเมือง ประคำ และอำเภอเมืองบุรีรัมย์ )

ส่วนจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและบางจังหวัดในภาคเหนือของไทยจะใช้สำเนียงดังนี้

ภาษาลาวเหนือ จังหวัดที่พูดในประเทศไทย เช่น จ.เลย อุตรดิตถ์ (อ.บ้านโคก น้ำปาด ฟากท่า) เพชรบูรณ์ (อ.หล่มสัก หล่มเก่า น้ำหนาว) ขอนแก่น (อ.ภูผาม่าน และบางหมู่บ้านของ อ.สีชมพู ชุมแพ) ชัยภูมิ (อ.คอนสาร) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ และนครไทยบางหมู่บ้าน) หนองคาย (อ.สังคม) อุดรธานี (อ.น้ำโสม นายูง บางหมู่บ้าน)

ภาษาลาวตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ค่อยมีผู้พูดในประเทศไทย จังหวัดที่พูดในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนลาวพวนที่อพยบมาจากแขวงเซียงขวาง สปป.ลาว เช่น ที่บ้านเชียง อ.หนองหาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และบางหมู่บ้าน ใน จ.สกลนคร หนองคาย และยังมีชุมชนลาวพวนในภาคเหนือบางแห่งในจังหวัด สุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ ไม่กี่หมู่บ้านเท่านั้น

ภาษาลาวเวียงจันทน์ จังหวัดที่พูดในประเทศไทย เช่น จ.ชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย (อ.เมือง ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย) ขอนแก่น (อ.ภูเวียง ชุมแพ สีชมพู ภูผาม่าน หนองนาคำ เวียงเก่า หนองเรือบางหมู่บ้าน) ยโสธร (อ.เมือง ทรายมูล กุดชุม บางหมู่บ้าน) อุดรธานี (อ.บ้านผือ เพ็ญ บางหมู่บ้าน)

ภาษาลาวกลาง แยกออกเป็นสำเนียงถิ่น 2 สำเนียงใหญ่ คือ ภาษาลาวกลางถิ่นคำม่วน และถิ่นสะหวันนะเขด ถิ่นคำม่วน จังหวัดที่พูดในประเทศไทย เช่น จ.นครพนม สกลนคร หนองคาย (อ.เซกา บึงโขงหลง บางหมู่บ้าน) ถิ่นสะหวันนะเขด จังหวัดที่พูดมีจังหวัดเดียว คือ จ.มุกดาหาร

ภาษาลาวใต้ จังหวัดที่พูดในประเทศไทย จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร

แต่ในปัจจุบัน ภาษาลาวตะวันตกหรือภาษาอีสาน ในประเทศไทยไม่ได้รับการพัฒนาให้ใช้เป็นภาษาทางการ รัฐบาลไทยได้กำหนดให้ใช้ภาษาไทย เป็นภาษาทางการแทน จึงทำให้ภาษาลาวตะวันตกได้รับ อิทธิพลจากภาษาไทยค่อนข้างมาก และมีการใช้คำศัพท์ภาษาไทยปะปนค่อนข้างมาก รวมทั้งไม่มีการใช้ตัวอักษรภาษาลาวในการเขียนด้วย จึงทำให้ภาษาลาวตะวันตก ในปัจจุบันแตกต่างจากภาษาลาวในประเทศลาว ฉะนั้นจึงทำให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่ไม่ได้เรียนภาษาลาวแบบ สปป.ลาว บางครั้งฟังภาษาลาวในแบบทางการ สปป.ลาวไม่เข้าใจโดยตลอด โดยจะเข้าใจแบบจับใจความรู้เรื่อง เท่านั้นแต่ไม่เข้าใจคำศัพท์ความหมายหรือประโยค ทุกคำทุกความหมายได้ เพราะคำศัพท์บางคำ สปป.ลาวบัญญัติขึ้นใหม่ ทำให้ภาษาขาดการติดต่อกัน และอาจถือได้ว่าภาษาลาวตะวันตกในประเทศไทยกับภาษาลาวในประเทศลาวเป็นคนละภาษาก็ได้ในปัจจุบัน

ส่วนในประเทศลาว นอกจากสำเนียงถิ่นใหญ่แล้วยังมีสำเนียงถิ่นย่อย แตกออกไปจากสำเนียงใหญ่ทั้ง 5 สำเนียง ออกไปอีกหลายสำเนียงย่อย เช่น ภาษาลาวใต้ถิ่นสาละวัน ภาษาลาวกลางถิ่นสะหวันนะเขด สำเนียงย่อยถิ่นเมืองอาดสะพังทอง ภาษาเวียงจันทน์ถิ่นเมืองปากงึม ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้พูดภาษาลาวใต้ ถิ่นจำปาสัก ในจังหวัด พระวิหาร สตึงแตรง และรัตนคีรีของประเทศกัมพูชาด้วย

โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (945)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 18:27 น.] #250734 (13/19)
อ้ายฮักเจ้าหลายๆ

โดยคุณ podsung (364)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 23:01 น.] #250864 (14/19)
ฮักหลายเด้อ เสี่ยว

โดยคุณ podsung (364)  [ศ. 14 มี.ค. 2551 - 23:02 น.] #250865 (15/19)
ไม่รูุ้้ใช้ถูกมั๊ยครับ

โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (945)  [ส. 15 มี.ค. 2551 - 00:49 น.] #250903 (16/19)


(D)


" โดเรมอน ฉบับ ลาว ครับ"


โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (945)  [ส. 15 มี.ค. 2551 - 00:51 น.] #250904 (17/19)


(D)



โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (945)  [ส. 15 มี.ค. 2551 - 00:56 น.] #250909 (18/19)


(D)


:

สนับสนุน FWDmail ขำขันโดย:
คุณจับเลี้ยง จาก FWmail


เครดิตคุณจับเลี้ยง จาก FWmail

โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (945)  [ส. 15 มี.ค. 2551 - 00:59 น.] #250910 (19/19)


(D)


..................ซำบายดี...........

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1