(D)
คนขาย(พระ)มีมากกว่าคนซื้อ หันมาฟังแนวคิดทางธรรมกันดีกว่าครับ
เรื่อง วัตถุมงคล
ปุถุชนคนธรรมดา เมื่อเกิดความกลัวหรือไม่มั่นใจในสิ่งที่จะทำ ก็มักจะแสวงหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อเป็นที่พึ่งให้จิตใจมีพลังที่จะต่อสู้กับปัญหาและความหวาดกลัวต่าง ๆ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจดังกล่าวนี้ คนไทยโดยทั่วไปนิยมเรียกกันในสมัยนี้ว่า วัตถุมงคล
คำว่า วัตถุมงคล นั้น แม้จะยังไม่ปรากฏในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แต่คนส่วนมากก็เข้าใจได้ว่าหมายถึง พระเครื่อง พระบูชา เหรียญคณาจารย์ต่าง ๆ รวมทั้งตะกรุด ปลัด และวัตถุที่นับถือกันว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์อีกหลายชนิด วัตถุมงคลเหล่านี้เมื่อได้พกพาติดตัวไว้แล้วก็เกิดความอบอุ่นใจ สบายใจ วันไหนออกจากบ้านแล้วลืมวัตถุมงคลเหล่านั้นไว้ที่บ้าน ก็อาจจะถึงกับไม่สบายใจ ทำกิจการงานอะไรก็ไม่มั่นใจไปเลยก็มี ในสมัยก่อนวัตถุมงคลต่าง ๆ นั้น หลวงพ่อ พระอาจารย์ จะมอบให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ก็ต้องพิจารณาหลายรอบและท่านมั่นใจแล้วว่า ผู้นั้นเป็นคนดีจึงจะมอบให้ และให้เปล่า ๆ ไม่มีราคาพร้อมกันนั้นก็จะกำชับสั่งสอนตักเตือนให้ลูกศิษย์เว้นจากความชั่ว ประพฤติดี แล้วพระจะคุ้มครอง แต่สมัยนี้วัตถุมงคลกลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ความศักดิ์สิทธิ์หาซื้อได้ด้วยเงินทอง ยิ่งนับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ราคาก็ยิ่งสูงมาก การปลอมแปลงก็เกิดขึ้นมากไปด้วย หนักเข้าวัตถุมงคลก็กลายเป็นวัตถุที่ไม่เป็นมงคล คือมีวัตถุมากกว่ามงคล
สำหรับชาวพุทธนั้น ท่านกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานไว้ชุดหนึ่งมี ๕ ข้อ คือ ๑. ศรัทธา ๒. มีศีล ๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรมไม่เชื่อมงคล ๔. ทำบุญคือ ทำความดีตามหลักพระพุทธศาสนา ๕. อุปถัมภ์บำรุงพระศาสนา โดยเฉพาะคุณสมบัติข้อ ๓ ไม่ถือมงคลตื่นข่าวนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงและตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอ
เรายึดวัตถุมงคลติดตัวไว้ เพื่อให้เกิดความอบอุ่นใจ และยึดเหนี่ยวใจ เตือนสติไว้เสมอว่าอย่าไปทำชั่ว พระท่านเห็นนะ แม้ว่าเราจะแขวนวัตถุมงคลมากมายสักปานไร ถ้าจิตใจไม่สะอาดไปประพฤติชั่วเข้าแล้ว วัตถุมงคลเหล่านั้นก็ไม่สามารถคุ้มครองเราได้ และไม่อาจทำให้เรามีความสุขความเจริญได้เลย ถ้าเราไม่พยายามทำความดีด้วยตัวเราเองเสียก่อน
ไม่เคาะ ไม่ว่า ขอแค่เข้ามาอ่าน ฮิฮิ  |
|