กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้

เรื่อง ม่านบังใจ
ม่านคือสิ่งที่ปิดกั้นหรือบังไว้มิให้มองเห็นอีกด้านหนึ่ง อาจมีลักษณะหนาทึบมองเห็นเพียงตัวม่าน หรือถ้าม่านนั้นบาง อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่หลังม่านเพียงเลือนลาง ม่านที่บังสายตา จัดเป็นม่านภายนอก เรียกว่า ม่านบังตา แต่มีม่านอีกชนิดหนึ่งเป็นม่านภายในเรียกว่า ม่านบังใจ สิ่งที่ถือว่าเป็นม่านบังใจนั้นมีหลายแบบ แต่ที่สำคัญมีอยู่ ๓ แบบ คือ
แบบที่ ๑ ได้แก่ ความอยากได้ในทางที่ผิด ถ้าบังใจใครเข้าแล้วจะทำให้เกิดอาการหิวโหยอยากได้แล้วชักจูงใจลงมือปฏิบัติการต่อทรัพย์สินของผู้อื่นในทางที่มิชอบ มองเห็นแต่จะได้เพียงด้านเดียว ไม่เห็นความเสียหายซึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
แบบที่ ๒ ได้แก่ ความคิดประทุษร้าย เมื่อบังใจใครเข้าแล้ว ใจจะเร่าร้อน เดือดดาล หงุดหงิดคิดทำร้ายประหัดประหาร รู้สึกสะใจเมื่อได้ทำเช่นนั้น มองเห็นแต่ส่วนที่ต้องทำลายล้างอย่างเดียวหาได้เฉลียวใจถึงผลกรรมร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นไม่
แบบที่ ๓ ได้แก่ ความหลงผิด หากบังใจของใครแล้ว จะทำให้มืดมิดมึนมัว ชักจูงให้หลงใหลในอบายมุขบ้าง ติดในความสบายเห็นความมักง่ายเป็นนิสัยควรทำบ้าง เข้าทำนองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี เคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งไร้สาระ ปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย แม้อยู่กับสิ่งที่เป็นอันตรายก็ไม่รู้ เพราะแยกไม่ออกว่ามีโทษ เห็นแต่เพียงว่าเป็นประโยชน์เพราะตนพอใจเท่านั้นเอง
เมื่อใจถูกม่านดังกล่าวมาบดบังไว้ ต้องรีบทำลายหรือปลดม่านนั้นออกด้วยวิธีการทางธรรมะ กล่าวคือ ใช้ทานหรือการรู้จักเสียสละพิชิตม่านคือโลภะ ใช้ขันติและเมตตาขจัดม่านคือโทสะ และใช้ปัญญารู้ผิดชอบชั่วดีปลดเปลื้องม่านคือโมหะ
ดังนั้น ผู้ต้องการมีชีวิตปกติสุข จะต้องระวังอย่าให้เกิดม่านขึ้นมาบังใจเป็นอันขาด หากมีก็ต้องรีบสะสางแก้ไขทันที ไม่ควรมองข้ามว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อไม่มีสิ่งใดมาเป็นม่านบังใจแล้ว ชีวิตย่อมแจ่มใส ปลอดภัยและเป็นสุข