(N)
ประวัติหลวงปู่บุญมา(เจ) กตปุญโญ
ประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์
ชาติภูมิ
เดิมชื่อ บุญมา แก้วปัญญา เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน
พุทธศักราช 2483 ปีมะโรง ธาตุทอง
เกิดในตระกูลแก้วปัญญา ณ บ้านพยอม ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด
บิดาชื่อ นายมี แก้วปัญญา มารดาชื่อ นางลี แก้วปัญญา
อุปนิสัย ฉันอาหารเจ ไม่ชอบการเบียดเบียน มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ แกะพระไม้เป็นประจำ เป็นหมอยาสมุนไพร
เอกลักษณ์ประจำตัวคือ ยืนปลุกเสกวัตถุมงคล
คติธรรม หากความเพียรของเรากล้า ย่อมสามารถเผาได้แม้แต่กิเลสในใจตน
ชีวิตของการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ครั้งที่ 1
ท่านได้เป็นบวชเป็นสามเณร และได้อุปสมบทเป็นพระ ที่วัดบ้านพยอม ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนบาลี เรียนหนังสือธรรมอีสาน จากท่านเจ้าอาวาสและผู้เฒ่าผู้แก่
จนแตกฉาน ท่านกล่าวว่าท่านเองเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง และเป็นคนว่านอนสอนง่าย ท่านเจ้าอาวาส
ผู้พระอาจารย์ของท่านยกย่องและชื่นชมอยู่เสมอ แต่ด้วยคนอีสานสมัยก่อน ลำบาก ยากจน บิดา-มารดา
ของท่านจึงไปขอร้องท่านให้ลาสึกขาออกมาจะได้เป็นกำลังหลักหาเลี้ยงครอบครัว ท่านเองเลยจำใจลาสิกขาออกมาครองเรือนเพื่อเลี้ยงดูพ่อ-แม่ และครอบครัว ท่านกล่าวว่า ตอนเป็นฆราวาสนั้นท่านก็ปฏิบัติวันพระ
จะนุ่งผ้าขาว ห่มข้าว ถือศีล มีงานปฏิบัติธรรมที่ไหนท่านก็จะไปร่วมเป็นประจำ เรื่องการกินเจท่านก็กินแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ท่านเองหาเลี้ยงครอบครัวด้วยซื่อสัตย์สุจริตและเป็นที่รักของชาวบ้าน จนชาวบ้านเรียก
ญาพ่อธรรมเจ
ชีวิตของการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ครั้งที่ 2
เมื่อปี พ.ศ. 2533 ท่านได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตอีกครั้ง สละเรื่องทางโลกทุกอย่าง
เข้าอุปสมบท ณ วัดอรุณรังษี ตำบลบางลูกเสือ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
วันที่ 1 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2533 เวลา 9.30 น.
โดยมี พระครูอรุณวิริยกิจ (หลวงพ่อสายตาบ) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอาจารย์เทือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ประสิทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
และได้เรียนกรรมฐานและวิชาต่างๆเบื้องต้นกับพระครูอรุณวิริยกิจ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อยู่พอสมควร ต่อมามีพระรูปหนึ่งได้เดินทางมาพักที่วัดอรุณรังษี ท่านเลยได้เข้าไปสนทนาด้วยก็ได้ทราบว่าพระรูปนี้เดินทางมาจากวัดเขาสมโภชน์ท่านได้ไปศึกษากรรมฐานเปิดโลกกับหลวงพ่อคงและเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษามาแล้วให้หลวงปู่เจฟัง ท่านได้ฟังอย่างนั้นจึงเกิดความสนใจและอยากไปศึกษากรรมฐานเปิดโลกที่เขาสมโภชน์
ท่านจึงกราบลาหลวงพ่อสายตาบและออกจากวัดอรุณรังสี เพื่อไปศึกษาเพิ่มเติมที่สำนักกรรมฐานเปิดโลกหลวงพ่อคง จตฺตมโล ผู้มีฉายา (พระอรหันต์ร่างทอง) แห่งวัดเขาสมโภชน์ จังหวัดลพบุรี พอไปถึงวัดเขาสมโภชน์ ท่านก็ได้เขาไปกราบและขอฝากตัวกับหลวงพ่อคงเพื่อฝึกกรรมฐาน เบื้องต้นหลวงพ่อคงก็ได้แนะนำหลักการปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลกให้ท่านได้ฟังและให้นำไปปฏิบัติ ท่านก็ฝึกอยู่กับหมู่คณะช่วงนั้นมีหมู่คณะหลายรูปพอสมควร ท่านอยู่เขาสมโภชน์ระยะหนึ่ง เมื่อได้หลักการปฏิบัติกรรมฐานเจริญภาวนาแล้ว
ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร มุ่งไปทางภาคใต้ลงไปถึง อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และได้กรรมฐานและจำพรรษาอยู่ภาคใต้อยู่หลายปี ก่อนเดินทางขึ้นมาทางภาคอีสาน ธุดงค์แถวจังหวัดอุดร-หนองคาย-เลย ได้อยู่ร่วมกับ พระอาจารย์สำราญ ที่อำเภอน้ำโสม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นกัลยาณมิตรทางธรรมในระหว่างเที่ยวธุดงค์ หลังจากนั้นท่านก็กลับมาแถวๆจังหวัดนครราชสีมา ท่านได้มีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมเรื่องกรรมฐานและขอวิชาพระคาถาต่างๆ กับพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธแห่งวัดบ้านไร่ และพักแรมอยู่ที่วัดบ้านไร่อยู่หลายครั้ง หากออกจากวัดบ้านไร่ท่านก็จะไปสนทนาธรรมและพักกับพระอาจารย์ทอง (หลวงพ่อทอง ชินวํโส) วัดป่าหิมพานต์ ครบุรี จังหวัดนครราชสีมา และมีวันหนึ่งหลวงปู่เจท่านนิมิตเห็นถ้ำแห่งหนึ่ง ท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆตามนิมิต ในที่สุดก็ไปเจอถ้ำนี้อยู่ที่ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
ท่านจึงจำพรรษาอยู่นั่นถึง 3 พรรษา ณ ที่ถ้ำนี้ ท่านได้นิมิตเห็นพญานาคเฝ้าอยู่ ท่านจึงตั้งชื่อถ้ำนี้ชื่อว่า
ถ้ำพญานาคหลวงปู่เจท่านเล่าว่าท่านเร่งความเพียรมาก ทั้งเดินจงกรม ทั้งนั่งภาวนา พยามชำระกิเลสภายในใจ เจริญสติ เจริญปัญญา ท่านว่าจิตของท่านสงบเป็นสมาธิดีที่ถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่เจได้บุกเบิกถ้ำนี้เพื่อที่จะทำให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา หลังจากออกจากถ้ำพญานาคท่านก็ได้ไปสร้างบุกเบิกสำนักสงฆ์ป่า 19 บ้านบึงโดน อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด อีก 1 วัด และหลวงปู่เจก็ยังเป็นผู้มาร่วมบุกเบิกป่าช้าบ้านสงเปือย (วัดป่าวิเวกธรรม) ร่วมกับ พระอาจารย์ยุทธอีกด้วย
ช่วงระยะ 4-5 ปีหลัง หลวงปู่เจท่านอายุ 70-75 ปี ท่านจะแวะเวียนไปธุดงค์จำพรรษาอยู่ทั้ง 3 วัดนี้
ถ้ำพญานาค วัดป่า 19 บึงโดน วัดป่าวิเวกธรรม จนปัจจุบัน หลวงปู่เจท่านได้รับนิมนต์จากชาวบ้านและพระอาจารย์ยุทธ จันทสาโรเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกธรรม ให้มาเป็นประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม
ด้วยเหตุที่ว่าหลวงปู่เจท่านเป็นหนึ่งในผู้มาบุกเบิกล้างป่าช้าและเป็นกำลังหลักในการสร้างวัดป่าวิเวกธรรมแห่งนี้ขึ้น ร่วมไปถึงหลวงปู่เจท่านก็ชราภาพตามอายุสังขาร ท่านจะได้มีลูกพระ ลูกเณร ญาติโยมค่อยดูแลอย่างใกล้ชิด หลวงปู่เจท่านก็ตอบรับมาจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกธรรม ตั้งแต่อายุ 75 ปี จนถึงปัจจุบัน
วัดป่าวิเวกธรรม เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพระ เณร
นับ 10 รูป ที่จำพรรษา ทุกปีช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม วัดจะมีการจัดปฏิบัติธรรม และออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่สำคัญต่างๆเช่น พระธาตุพนม พระธาตุนาดูน พระธาตุยาคู เทือกเขาภูพาน เป็นจำทุกปี มีพระสงฆ์ สามเณรและพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมปฏิบัติธรรมไม่ต่ำกว่าปีละ 200 คน
หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ หรือ (หลวงปู่เจ) ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพระที่มักน้อย พูดน้อย ชอบความวิเวก สันโดษ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ไม่ชอบการเบียดเบียน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม รักษาข้อวัตร รักษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติตามรอยแห่งองค์พระศาสดาและเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง
ในปี 2560 ทางวัดป่าวิเวกธรรม ได้จัดสร้างเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่เจขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกกฐินสามัคคี และหลังจากปี 2560 เป็นต้นมาทางวัดก็ได้อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่เรื่อยมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัย เพื่อใช้ในการก่อสร้างอุโบสถให้เป็นถาวรวัตถุคู่พระพุทธศาสนาสืบไป
เรียบเรียง/เผยแผ่โดย คณะศิษย์ หลวงปู่บุญมา(เจ) กตปุญโญ
(ครูจ๊อด)นายภานุพล เทพดู่ |