ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม



(N)


ธนาคารกสิกรไทย
ชื่อบัญชี นายปริญญา
สาขาย่อยอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เลขที่ 744 - 2 - 55321 - 6
พระอยู่ในสภาพเดิมๆ สนใจติดต่อ 084-6935029
ท่านใดสนใจพระรายการใด กรุณาโทรสอบถามก่อน ว่ารายการนั้นยังอยู่หรือเปล่า
รับประกันพระแท้ ( ทุกรายการ ) ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับพระแล้ว
พระปลอมยินดีคืนเงินเต็มจำนวน ( ไม่มีการหัก )
แต่พระที่คืนมานั้นต้องอยู่ในสภาพเดิมๆ
ท่านใดที่โอนเงินแล้ว ช่วยโทรแจ้งด้วยนะครับ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
ในการจัดส่งพระไปให้ท่านครับ

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [อา. 27 พ.ย. 2554 - 21:46 น.]



โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [พฤ. 01 ธ.ค. 2554 - 13:51 น.] #1970978 (1/4)
หลวงพ่อเที่ยง เจ้าอาวาสวัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านเป็นหลานของหลวงปู่เปลี่ยน วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ( หลวงพ่อวัดใต้ ) ซึ่งท่านได้รับถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่อวัดใต้โดยตรง เมื่อสมัยนั้นมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ไหน หลวงพ่อเที่ยงท่านจะได้รับนิมนต์ไปไม่เคยขาด เพราะเหตุนี้ท่านจึงได้เป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เนื่องจากท่านจะได้เจอกันในงานพุทธาภิเษกอยู่เป็นประจำ

หลวงพ่อเที่ยง ท่านจะขึ้นชื่อสุด ๆ ในเรื่องเหนียว ทั้งมีดทั้งปืน เล่ากันว่าของ ๆ ท่านเวลานำออกมาจากพิธี ก็ลองกันตรงนั้นเลย วัตถุมงคลของท่านจึงโด่งดังเป็นที่เล่าขานกันมาก เคยมีทหารใส่เหรียญของท่านไปขับเฮลิคอปเตอร์ แล้วเฮลิคอปเตอร์ตกทหารคนนั้นรอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังและผู้คนนิยมเล่นหามากที่สุดของท่าน ก็คือตะกรุดหนังเสือเพราะใช้ดีมีประสบการณ์ ในด้านคงกระพันชาตรีและเหนียวสุด ๆ หลวงพ่อเที่ยงท่านเคยไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ท่านจึงเป็นศิษย์พี่สำนักเดียวกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม ซึ่งท่านจะสนิทสนมกับหลวงพ่อเต๋ ( หลวงพ่อเต๋ท่านก็ทำตะกรุดหนังเสือเช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันที่ลายถักเชือก ) ตะกรุดของหลวงพ่อเที่ยงแท้ ๆ นั้นหายากมาก ๆ เพราะตามตำราของท่านต้องทำมาจากหนังเสือ ตะกรุดของท่านจึงมีน้อย วัตถุมงคลของหลวงพ่อเที่ยงนั้น เป็นที่นิยมกันในหมู่นักสะสม เพราะมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับเสือ ทั้งตะกรุดหนังเสือ เหรียญรุ่นเสือเผ่น หลวงพ่อเที่ยงท่านได้ สร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อ ปีพ.ศ.2508

การทำตะกรุดหนังผากเสือ หลวงพอเที่ยง วัดม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ท่านสร้างไว้มากพอสมควร วิธีการทำตะกรุดของหลวงพ่อนั้นเริ่มจากท่านออกธุดงค์เป็นเวลานานหลายสิบปี มีกะเหรี่ยงที่นับถือท่านเอาหนังหน้าผากเสือไฟและเสือโคร่งมาถวายกับท่านหลายผืน เมื่อท่านกลับมาอยู่วัดจึงตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆขนาดมัดตะกรุดได้ โดยให้แยกหนังหน้าผากเสือไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนังทั้งตัวเสือ หลวงพ่อลงอักขระคาถาแผ่นตะกรุดแล้วม้วนใช้เชือกมัดหัวท้ายตะกรุดจากนั้นทารักเป็นตัวจับยึดให้แน่นแล้วนำไ ปปลุกเสกเฉพาะวันอังคารกับวันเสาร์จนครบไตรมาส จึงนำไปแจกจ่ายญาติโยมที่ศรัทธาต่อไป ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [พฤ. 01 ธ.ค. 2554 - 13:52 น.] #1970980 (2/4)
ประวัติพระครูจันทสโรภาส (หลวงปู่เที่ยง จันทสโร) อดีตเจ้าคณะตำบลม่วงชุม อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงชุม ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สถานนะเดิม……..นามเดิม นายเที่ยง ท่านกเอี้ยง เกิดวันพฤหัสบดี ปีชวด ที่บ้านม่วงชุม ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๑ โยมบิดาชื่อนายเขียว ท่านกเอี้ยง โยมมารดาชื่อนางทองแคล้ว ท่านกเอี้ยง มีพี่น้องรวม ๘ คน หญิง ๕ คน ชาย ๓ คน มีรายชื่อดังนี้ ๑.หลวงพ่อเที่ยง จันทสโร (มรณภาพแล้ว) ๒.พระสาย ท่านกเอี้ยง (มรณภาพแล้ว) ๓.นางทองดี ท่านกเอี้ยง (ถึงแก่กรรมแล้ว) ๔.นางทองคำ วรรณวงศ์ (ถึงแก่กรรมแล้ว) ๕.นางเปลื้อง ท่านกเอี้ยง (ถึงแก่กรรมแล้ว) ๖.นางปลด ท่านกเอี้ยง (ถึงแก่กรรมแล้ว) ๗.นายตุ้น ท่านกเอี้ยง (ถึงแก่กรรมแล้ว) ๘.นางปุ้น ท่านกเอี้ยง (ยังมีชีวิตอยู่) วัยเด็กหลวงพ่อเที่ยง ใช้ชีวิตแบบเด็กชนบททั่วไป การดำเนินชีวิตอยู่ตามท้องไร่ท้องนา มีอุปนิสัยชอบทางด้านชกมวย และความยุติธรรม เป็นที่รักของเด็กวัยเดียวกันยกให้เป็นพี่ใหญ่ เป็นคนพูดแบบตรงไปตรงมาไม่เกรงกลัวใคร หลวงพ่อเที่ยงได้ช่วย บิดา มารดา ทำนา จนมีอายุ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ได้รับหมายเรียกจากทางราชการ ให้เข้ารับการคัดเลือกเพื่อเป็นทหารเกณฑ์ ตามกฎหมาย หลังจากรับราชการทหารครบ ๒ ปี ได้ปลดประจำการออกจากราชการทหาร เมื่อมีอายุ ๒๓ ปี กลับมาอยู่บ้านประกอบอาชีพทำนา อีก ๑ ปี เมื่ออายุ ๒๔ ปี ได้อุปสมบทตามประเพณี ณ.วัดบ้านถ้ำ เมื่ออุปสมบทแล้วอยู่ศึกษาเล่าเรียนกับอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดม่วงชุม ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้าน หลวงพ่อเที่ยงตั้งแต่มาอยู่วัดม่วงชุมก็ได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือ อย่างตั้งใจ เนื่องจากในวัยเด็กหลวงพ่อเที่ยงมีโอกาสได้เล่าเรียนไม่มากนักเพราะขาดแคลนครูและห้องเรียน ยิ่งเรียนหลวงพ่อเที่ยงก็มีความสุขกับการเรียน ทำให้หลวงพ่อเที่ยงมีความแตกฉานเรื่องหนังสืออย่างมาก หลังจากนั้นหลวงพ่อเที่ยงได้ศึกษาธรรมวินัย และพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาจนเชี่ยวชาญ จึงเริ่มหันมาศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ได้เล่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานและวิชาไสยเวชกับหลวงพ่อปู่เปลี่ยนวัดใต้ ในฐานที่หลวงพ่อเที่ยงมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่เปลี่ยน จึงได้รับความเมตตาจากหลวงปู่วัดใต้เป็นพิเศษ ในการถ่ายทอดสรรพวิชาด้านต่างๆโดยเฉพาะด้านพุทธาคมและไสยเวชแขนงต่างๆ จนมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก ถึงกับมีเรื่องเล่ากันว่าเวลาหลวงปู่เที่ยงได้รับนิมนต์ไปร่วมพุทธาภิเศกในงานพิธีใดก็ตาม ท่านมักจะมีอาการร้อนวิชาเสมอ มักจะเห็นท่านชอบสัพยอกให้พระเกจิที่ร่วมในพิธีแสดงอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันชาตรี โดยท้าให้เอามีดเชือนแขนว่าคมมีดจะบาดเข้าเนื้อหนังหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกเต็มเปลี่ยมไปด้วยพุทธคุณ อย่างที่ชาวบ้านทั่วๆไปมักพูดว่าใครแขวนวัตถุมงคลของท่านแมลงวันไม่ได้กินเลือดนั้นหมายความว่าคนๆนั้นหนังเหนียวแทงไม่เข้ายิงไม่ออก นายอารามบอยเคยได้ยินได้ฟังจากจากหลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม เล่าให้ฟังบ่อยๆว่าหลวงปู่เที่ยง องค์นี้ท่านเก่งมากและเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง และทั้งหลวงปู่เที่ยงและหลวงพ่อเต๋ ต่างก็มีชื่อเสียงอย่างมากในการสร้างตะกุดหนังหน้าผากเสือ หลวงพ่อเที่ยงท่านเป็นพระของชาวบ้านชนบทโดยแท้ พูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ภาษาที่ใช้สื่อสารก็เหมือนหลวงพ่อคูณเป็นภาษาไทยแท้ๆฟังไม่เพราะหู แต่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความเมตตา ญาติโยมที่ไปขอความช่วยเหลือจากท่าน ไม่เคยปรากฏว่าจะไม่ได้รับความเมตตาจากท่าน ทุกคนได้ความเมตตาช่วยเหลือในทุกๆเรื่องด้วยดี จากการบอกเล่าของชาวบ้านเล่าว่าท่านชอบกีฬาชกมวยอย่างมาก การเล่นนิยมลิเกและหนังตะลุง ท่านเป็นพระโบราณลูกทุ่งชนบทชอบฉันหมากไม่เคยขาดปากเลย นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างพระเครื่องเนื้อชานหมากที่โด่งดังมาก หลวงพ่อเที่ยงเริ่มลงมือสร้างอุโบสถ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ ท่านค่อยๆสร้างโดยไม่มีการเรี่ยไร ท่านไม่ต้องการเป็นภาระของชาวบ้านเพราะช่วงเวลานั้นประเทศไทยยังตกอยู่ในระหว่างปลายสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เมืองกาญจนบุรีได้รับผลกระทบจากภัยสงครามอย่างมากเพราะทหารญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพหลายแห่ง ทำให้ทหารพันธมิตรนำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเพื่อทำลายฐานทัพของญี่ปุ่น เป็นเหตุให้สภาพเศรษฐกิจของชาวบ้านตกต่ำอย่างมาก ตกอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง แต่ชาวบ้านก็ช่วยบริจาคทุนทรัพย์สร้างอุโบสถจนสำเร็จได้ในที่สุด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๔ สมณศักดิ์ที่ได้รับ ๑.ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูจันทสโรภาส เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๕ ลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อเที่ยงได้จัดงานเฉลิมฉลองและเพื่อแสดงมุทิตาจิตร และได้ขออนุญาตหลวงพ่อสร้างเหรียญเป็นที่ระลึกและเพื่อมอบให้ชาวบ้านที่มาร่วมงาน จึงเป็นการสร้างเหรียญรูปท่านเป็นครั้งแรก ๒.ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูจันทสโรภาส ครูเจ้าคณะตำบลชั้นโท เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐ ๓.ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูจันทสโรภาส ครูเจ้าคณะตำบลชั้นเอกเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒o หลวงพ่อเที่ยง จันทสโร มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๓ เวลา ๙.๐๐ นาฬิกาเศษ ณ วัดม่วงชุม ท่ามกลางความเศร้าอาลัยของศิษย์ยานุศิษย์ และชาวม่วงชุม ชาวม่วงชุมได้เก็บสรีระของหลวงพ่อไว้ถึง ๑๐ ปี ปรากฏว่าร่างของหลวงพ่อไม่เน่าไม่เปื่อย ชาวม่วงชุมจึงพร้อมใจกันสร้างมณฑป พร้อมทั้งโลงแก้วบรรจุร่างที่เป็นอมตะไว้ ณ.มณฑป เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔ จากวันที่หลวงพ่อเที่ยงจากไปถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง ๓๐ ปี ร่างหลวงพ่อเที่ยงก็ยังคงสภาพไม่เน่าเปื่อยเหมือนท่านยังอยู่เป็นที่พึ่งของชาวม่วงชุมตลอดไป ด้วยคุณงามความดีและเมตตาบารมีของท่านยังคงอยู่ในดวงใจของชาวม่วงชุม ชาวม่วงชุมและลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านมาขอความเมตตาจากรูปหล่อเหมือนจริงหน้าสรีระของท่านในโลงแก้ว จะประสบผลสำเร็จตามใจปรารถนาทุกประการ นายอารามบอยทราบจากเจ้าอาวาสว่าเมื่อผู้มาขอพรจากท่านแล้วประสบผลจะนำหมากพลู ขนมจีนน้ำพริก และแกงเทโพหมู มาแก้บน บางท่านก็จะนำหนังตะลุง มวย ยี่เก มาแสดง

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [พ. 08 ก.พ. 2555 - 19:11 น.] #2085912 (3/4)
ปิดให้คุณสิงห์แดง

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [ส. 05 พ.ค. 2555 - 19:21 น.] #2234524 (4/4)
rf911059995th

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1