พระพุทธมงคลรัตน์ภูมิพัฒนมหามุนี ภ.ป.ร. ในหลวงทรงพระสุหร่าย และทรงเจิม พร้อมคณาจารย์ 108 รูปร่วมปลุกเสก เช่น สมเด็จพระญาณสังวร,สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม,หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,หลวงปู่ดี วัดพระรูป,หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง,หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง,หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย,หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร,หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม,หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ,หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ,หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ฯลฯ
**ประวัติการสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ ...วัดมงคลรัตนาราม...คือ วัดไทยในนครซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา โดยได้ขอยื่นจดทะเบียน และได้รับอนุมัติจากทางการของมลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นที่เรียนร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2521
ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 พระมงคลราชมุนี เจ้าอาวาสวัดมงคลรัตนาราม พล.อ.เสริม ณ นคร พร้อมด้วยคณะกรรมการ ได้ดำเนินการจัดหากองทุนในการก่อสร้างวัดมงคลรัตนารามให้เสร็จมบูรณ์ เพื่อเป็นสถานที่แก่ชาวพุทธศาสนิกชนในต่างแดน ได้ไปประกอบกิจกรรมที่ดีดังนี้
1.เป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน
2.เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย และเอเชีย
3.เป็นโรงเรียนสอนภาษาไทย และพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
4.เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างคนไทย กับกงสุลไทย
5.เป็นศูนย์ศาสนาสงเคราะห์นานาชาติ
ในการนี้ คณะสงฆ์ และฝ่ายฆราวาสจึงได้สร้างพระประธาน และวัตถุมงคล เพื่อให้วัตถุประสงค์การสร้างวัดมงคลรัตนารามสำเร็จลุล่วงดั่งที่ตั้งไว้ ซึ่งการจัดสร้างในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม พระพุทธมงคลรัตน์ภูมิพัฒนมหามุนี และพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐาน ณ ตรงผ้าทิพย์
ในปี พ.ศ. 2523 นั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบ พิธีเททองพระประธานและพระกริ่งพระพุทธมงคลรัตน์ภูมิพัฒนมหามุนี ภ.ป.ร. ณ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม. โดยมี พล.อ.เสริม ณ นคร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และในวันที่ 4-5 (เสาร์ห้า) 6 เมษายน 2523 ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม ตลอด 3 วัน 3 คืน โดยมี สมเด็จพระพุทธาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ เป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรกอธิฐานจิต พร้อมคณาจารย์ที่โด่งดังในขณะนั้นอีกจำนวน 108 รูป นำโดย "หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม." ต่อมาในวันที่ 8 เมษายน 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะกรรมการฯ อัญเชิญพระประธาน และวัตถุมงคลเข้าสู่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงพระสุหร่าย และทรงเจิม
อนึ่ง!!! พระเครื่องรุ่นนี้ที่เหลือตกค้างจำนวนหนึ่ง ได้นำเข้าร่วมในพิธีมหาพุทธาภิเษก เหรียญพระชัย (หลังช้าง) ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ ปี พ.ศ. 2530 อีกด้วยครับ
พิธีใหญ่ น่าใช้มากๆครับ |
|